Politics

‘บิ๊กตู่’ งงใจฝ่ายค้าน! ‘จิตใจทำด้วยอะไร’ กล่าวหาแอบมีความสุข

“นายกรัฐมนตรี” งงใจฝ่ายค้าน! “จิตใจทำด้วยอะไร” กล่าวหาแอบมีความสุขกับการระบาดไวรัสโควิด พร้อมย้ำชัดไม่เคยคิดช่วยเหลือผู้ทำผิดกฎหมายหนีคดีไปต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 21.35 น. วานนี้ (16 ก.พ.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเน้นโจมตีไปที่ประเด็นการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง ระบุว่า “ผมขอกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ แอบมีความสุข กับการระบาดไวรัสโควิด เพราะใช้โควิดเป็นข้ออ้าง ในการไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ตลอด อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย เติบโตต่ำมาตลอด”

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นกล่าวช่วงหนึ่งว่า ที่ท่านกล่าวหาผมมีความสุขกับโควิดท่านพูดได้อย่างไร จิตใจท่านทำด้วยอะไร ที่บอกว่า ไม่มีความรู้ มีความรู้ ไม่เท่าท่าน เพราะให้เกียรติท่าน การลงทุนในประเทศ ต่างประเทศ กำลังเดินหน้า หลายประเทศก็มาติดต่อ ที่ทำให้เศรษฐกิจตก เพราะเราพึ่งพาการท่องเที่ยว การบริการ เมื่อเป็นอย่างนี้ คงไม่มีใครมาเที่ยว ปัญหาของเราคือ การดิสรัปชั่น เราก็ได้เตรียมความพร้อมตลอด เราต้องทำทุกอย่างให้อยู่ภายใต้กติกาสากล การกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็กำลังดำเนินการหลายอย่าง

นายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชี้แจงกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ ถึงแก่ความตาย โดยระบุว่า คดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 แล้ว แต่การดำเนินคดีนี้มีความล่าช้าผิดปกติ และมีข้อสงสัยจากสาธารณชนว่ามีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเป็น กระบวนการ ทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาที่ประชาชนมีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในกรณีนี้ เพื่อแก้ไขความบกพร่องที่เกิดขึ้นและอำนวยให้เกิดความยุติธรรม โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธานกรรมการ และได้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีทุกสิบวัน รวม 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม และ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ซึ่งได้มีแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า สิ่งที่ได้ทำไปแล้วในฐานะนายกรัฐมนตรี คือ เร่งรัดให้คดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง เพื่อนำผู้กระทำความผิดมา ลงโทษ และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายวรยุทธ ในคดีที่ยังไม่หมดอายุ ความภายใน 30 วัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีอาญา นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 291 และข้อหายาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) เรียบร้อยแล้ว

โดยมีการออกหมายจับ และประสานงานกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (The International Criminal Police Organization : INTERPOL) เพื่อออก Red Notice หรือ “หมายแดง” เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่ง INTERPOL ได้ออกหมายแดงตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2563 ขณะนี้ สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติกำลังประสานงานกับตำรวจสากลเพื่อนำตัวผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ติดตามและแจ้งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สภาทนายความ อัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงาน ป.ป.ช. และขอเรียนว่า ล่าสุด สำนักงาน ป.ป.ท. ได้รายงานผลความคืบหน้าล่าสุดมาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 ดังนี้

นายกรัฐมนตรี

1. คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) แจ้งว่า ได้มีการประชุมครั้งที่ 10/2563 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 เลือกนายไพรัช วรปาณี ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน คณะกรรมการสอบสวนชั้นต้น นายเนตร นาคสุข กรณีกลับคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา แต่ต่อมา นายไพรัช วรปาณี ได้ยื่นหนังสือลาออกขอถอนตัว กรรมการอัยการ (ก.อ.) จึงมีมติ แต่งตั้งให้นายประสาน หัตกรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน ชั้นต้นคนใหม่ ส่วนกรณีข้าราชการพนักงานอัยการ ผู้ปรากฏข้อเท็จจริงรายอื่นได้มี การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้วยแล้ว

2. กรมสอบสวนคดีพิเศษรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษตามประกาศคณะกรรมการคดีพิเศษ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการร้องขอและเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้คดีความผิดทางอาญาใดเป็นคดี พิเศษ พ.ศ. 2561 ภายหลังจากที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง คณะที่ 4 ได้มีมติว่าไม่มี เหตุสมควรเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ

3. สภาทนายความแจ้งว่า คณะกรรมการมรรยาททนายความได้มีมติใน การประชุม ครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนนายธนิต บัวเขียว ทีมทนายความของนายวรยุทธฯ แล้ว โดยมีนายอรัญ ศรีสลวย เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวน ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 และ พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528

4. สำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและ พยานหลักฐานในสำนวนกรณีกล่าวหาพลตำรวจตรี กฤษฎิ์ เปียแก้ว กับพวกรวม 11 คน สอบสวนช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิยา ผู้ต้องหา ไม่ให้ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็น เรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้วกับเรื่องกล่าวหานี้ แม้ว่าจะเป็น เรื่องกล่าวหาที่อาศัยมูลเหตุอย่างเดียวกัน แต่ภายหลังปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิดในการช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์แก่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา และมีประเด็นข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

รวมทั้งปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใหม่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องความเร็ว ของรถยนต์ที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับขี่ขณะเกิดเหตุ และประเด็นการไม่แจ้งข้อกล่าวหา หรือดำเนินคดีกับนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหายาเสพติด ส่วนการตรวจสอบเส้นทาง การเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ได้พิจารณาและมีมติให้ขอข้อมูล การทำธุรกรรมทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องจากสำนักงาน ป.ป.ง. แล้ว ปัจจุบันอยู่ ระหว่างการจัดทำสรุปรายละเอียดข้อเท็จจริง และเอกสารส่งให้สำนักงาน ป.ป.ง. ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

5. สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งว่า คณะกรรมการพิจารณาและเสนอ ความเห็น เพื่อดำเนินการตามรายงานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ที่ 551/2563 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 3 คณะ

เพื่อตรวจพิจารณาและเสนอความเห็นในประเด็นการดำเนินการ ทางวินัยข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เพื่อตรวจพิจารณาและเสนอความเห็น การเริ่มกระบวนการสอบสวนคดีอาญาใหม่ให้ถูกต้อง การดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ ของรัฐและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และเพื่อตรวจพิจารณาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับการแก้กฎหมาย การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจให้ถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าได้เร่งรัดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงในโอกาสนี้ว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี มิได้นิ่งนอนใจที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องและเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมของเราต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo