Politics

จับตาการเมืองระทึก!! เปิดศึกซักฟอกรัฐบาลวันแรก พุ่งเป้า ‘บิ๊กตู่’

จับตาการเมืองระทึก!! เริ่มแล้วศึกซักฟอกรัฐบาลวันแรก พุ่งเป้า “พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมเปิดพฤติการณ์และประเด็นในการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่” และรัฐมนตรีอีก 9 คนที่นี่

ผู้สื่อข่าวรายงานการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ทั้ง 10 คน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2564 และลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในช่วงเช้าวันเสาร์วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ในส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านหลัก พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังปวงชนไทย และฝ่ายค้านเฉพาะกิจ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ จะมีส่วนร่วมอภิปรายด้วย

ทั้งนี้ การอภิปรายวันนี้ (16 ก.พ.) ที่ถือเป็นวันแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะเริ่มต้นในเวลา 09.00 น. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้กล่าวนำอภิปราย ต่อด้วย นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย โดยการอภิปรายวันแรก จะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จัะนทร์โอชา นายกรัฐฒนตรี เป็นหลัก

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมส.ส.นักอภิปรายประมาณ 38 คน พรรคเพื่อไทย มีผู้อภิปราย 16 คน เวลา 1,185 นาที เริ่มด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน เป็นต้น

ขณะที่ พรรคก้าวไกล ผู้อภิปราย 13 คน เวลา 710 นาที พรรคเสรีรวมไทย 5 คน เวลา 160 นาที พรรคประชาชาติ 1 คน เวลา 80 นาที พรรคเพื่อชาติ 1 คน เวลา 40นาที พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน เวลา 80 นาที พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน เวลา 60 นาที, พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน เวลา 30 นาที

สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย

1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

3. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

4. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

5. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

6. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

7. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

8. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

9. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

10. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

โดยมีพฤติการณ์และเรื่องที่จะ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนี้

1. พล.อ.ประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง เป็นต้น

2. พล.อ.ประวิตร ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

3. นายอนุทิน บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความสามารถ ไม่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดในรอบสองอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ปกปิด อำพรางการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค เพื่อเปิดช่องให้มีการทุจริต แสวงหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ดำเนินนโยบายที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

4. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บริหารราชการแผ่นดิน บกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ เข้ามาเพียงเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเอง และพวกพ้อง ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ทุจริตในหน่วยงานที่กำกับ มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูล เป็นต้น

5. พล.อ.อนุพงษ์ บริหารราชการแผ่นดินโดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม แต่กลับใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้อง ใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อวางแผนในการทุจริตอย่างเป็นระบบและแยบยล ปล่อยปละละเลยให้องค์กรในกำกับมีการทุจริตอย่างกว้างขวาง ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย เป็นต้น

6. นายณัฏฐพล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ละเว้นและบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ ในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริต เป็นต้น

7. นายสุชาติ บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบ จนเกิดแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนส่งผลเสียหายแก่ประเทศและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นต้น

8. นายศักดิ์สยาม บริหารรราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับดูแล สมคบกันเพื่อปิดบังการทุจริต ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

9. นายนิพนธ์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

10. ร.อ.ธรรมนัส บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลวอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด ปกปิดข้อมูลความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในการยื่นหรือการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo