General

เบนซ์ เรซซิ่ง อ่วม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุก 36 ปี 8 เดือน สมคบ-ฟอกเงิน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฟอกเงินยาเสพติด หมายเลขดำ อย.2201/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 34 ปี นักแข่งรถชื่อดัง , นายสรรเสริญหรือเน็ต รสานนท์ อายุ39 ปี ภูมิลำเนา จ.นนทบุรี , น.ส.อังสุพรหรืออุ้ม อินา อายุ 33 ปี ภูมิลำเนา จ.น่าน ซึ่งทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฐานฟอกเงิน และสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,9,60 และสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3,4,6,10,14 และ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 ระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 -2 กุมภาพันธ์2560 จำเลยทั้งสาม กับ นายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำ อย.2187/2560 , อย.1883/2560,อย.1257/2560 ของศาลอาญา , นายชัยวัฒน์ หรือ แป๊ะ ชูสาย จำเลยคดียาเสพติดซึ่งศาลมีคำพิพากษาไปแล้วคดีหมายเลขแดง อย.1679/2560 กับนายนพ หรือ บาส รัตนวิสุทธิ์ จำเลยคดียาเสพติดหมายเลขดำ อย.838/2560 ของศาลอาญา พวกที่หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันสมคบสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดยาไอซ์และยาบ้าที่เป็นยาเสพติดประเภท 1 และร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำในการเป็นผู้จัดหา ครอบครอง เก็บรักษา ลำเลียงยา หาลูกค้าและเป็นเครือข่ายการรับยาเสพติด รวมทั้งจัดการด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติดที่ นายณัฐพล หรือ บอย กับพวกเป็นผู้จัดหายาเสพติดและเป็นผู้ประสานงานในการขนถ่ายลำเลียง ซึ่งวันที่ 26 พฤศจิกายน 59 เจ้าพนักงานได้จับกุม นายนพ หรือ บาส กับพวกได้พร้อมของกลางยาบ้า 140,000 เม็ด และยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว น้ำหนัก 19 กก.เศษ โดย นายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ ได้โอนเงินที่กระทำเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารบุคคลอื่น

ส่วนนายอัครกิตติ์ , นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 เปิดบัญชีธนาคารเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยจัดการรับฝากเงินและโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารชื่อ นายอู๋ ปังโอฬารภาวะกุล , นายสุวัฒน์ พวงมาลี ที่เป็นเครือข่ายของ นายณัฐพล หรือ บอย เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้ นายณัฐพล หรือ บอย กับพวก ไม่ต้องรับโทษ โดยระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2557 – 1 กุมภาพันธ์ 2560 มีการโอนและรับโอนเงินตามคำสั่งของนายณัฐพล รวม 53 ครั้ง เป็นเงิน 11,072,547 บาท โดยยังมีการโอนเงิน ซึ่ง นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ได้รับจาก นายณัฐพล ไปซื้อรถลัมโบกินีและรถจักรยานยนต์ราคาแพงด้วย

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 ให้จำคุก “นายอัครกิตติ์” จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ม.5 , 60 และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติดฯ

ส่วน นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 ให้จำคุกฐานสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด และฐานร่วมกันฟอกเงิน คนละ 8 ปี , ฐานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกฐานฟอกเงินคนละ 4 ปี และฐานสมคบกันทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้จำคุกอีกคนละ 20 ปี กับปรับคนละ 400,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2-3 ทั้งสิ้น คนละ 24 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท

ในวันนี้ นายอัครกิตติ์ ซึ่งได้รับประกันตัวเดินทางฟังคำพิพากษา ขณะที่ นายสรรเสริญ , น.ส.อังสุพรจำเลยที่ 2-3 มาจากเรือนจำพร้อมฟังคำพิพากษา โดยมีญาติและเพื่อนสนิทมาให้กำลังใจ

โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพิ่มโทษเป็นว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และพ.ร.บ. การฟอกเงิน การกระทำของ นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานสนับสนุนและช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 5,000,000 บาท ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จำคุก 5ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงรวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 36 ปี 8 เดือนและปรับ 3,333,333.33 บาท

สำหรับจำเลยที่ 2-3 ฐานสมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันจำคุกคนละ 5 ปีลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือนเมื่อรวมกับโทษฐานสนับสนุนและช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิดที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 22 ปี 6 เดือนและปรับคนละ 400,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29,30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังจำเลยทั้งสามคนละเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โดยภายหลังฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ เบนซ์ เรซซิ่ง มีสีหน้าเศร้าเเต่ยังยิ้มเเละได้สวมกอดมารดา พร้อมบอกว่า โทษสูงขนาดนี้คงไม่ได้ประกัน ไม่เป็นไร ยังเหลือสู้คดีอีกหนึ่งศาล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo