COVID-19

‘หมอธีระ’ จี้ ขันน็อต 4 เรื่อง ‘ตรวจ ป้องกัน รักษา วัคซีน’ สกัดระบาดซ้ำซาก

“หมอธีระ” จี้ ขันน็อต 4 ประเด็น สกัดโควิดพุ่ง ทั้งการตรวจ การป้องกัน ดูแลรักษา และวัคซีน พร้อมเผยสถานการณ์โควิดทั่วโลก ติดเชื้อรวม 107,782,010 คน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ หมอธีระ จี้ ขันน็อต 4 เรื่องหลัก สกัดโควิดพร้อมเผยสถานการณ์โควิดทั่วโลก ติดเชื้อรวม 107,782,010 คน โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า

หมอธีระ ประสิทธิ์ ๒๑๐๒๑๑

“สถานการณ์ทั่วโลก 11 กุมภาพันธ์ 2564

ล่าสุดรัสเซียติดเชื้อไปเกิน 4 ล้านคนแล้ว เป็นประเทศที่ 4 ในขณะที่อาร์เจนตินา ทะลุสองล้านคน เป็นประเทศที่ 12

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 453,234 คน รวมแล้วตอนนี้ 107,782,010 คน ตายเพิ่มอีก 14,723 คน ยอดตายรวม 2,361,753 คน

สหรัฐ เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 112,294 คน รวม 27,879,445 คน ตายเพิ่มอีก 3,915 คน ยอดตายรวม 482,447 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 12,531 คน รวม 10,870,831 คน

บราซิล ติดเพิ่ม 59,602 คน รวม 9,659,167 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 14,494 คน รวม 4,012,710 คน

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 13,013 คน รวม 3,985,161 คน กำลังจะแตะสี่ล้านเช่นกัน

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

covid 19 4960246 1280

 

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อิสราเอล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องแบบทรงตัว

เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง เวียดนาม เมียนมาร์ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่กัมพูชา และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

เมื่อคืนนี้ทาง US CDC เผยแพร่ผลการวิจัยทางห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับการใส่หน้ากาก และให้คำแนะนำแก่ประชาชน มีสาระสำคัญคือ

หนึ่ง ควรเลือกใส่หน้ากากที่มีการเสริมลวดบริเวณจมูก เพื่อให้เกาะจมูกได้ดีไม่หลุด

สอง ใส่หน้ากากให้ฟิต แนบสนิทกับใบหน้า พยายามอย่าให้มีช่องว่าง ระหว่างใบหน้ากับหน้ากาก

สาม หน้ากากที่ใช้นั้น หากเป็นหน้ากากผ้าควรมีหลายชั้น

สี่ มีการวิจัยเพิ่มเติมพบว่า หากใส่หน้ากากอนามัยไว้ด้านใน โดยเก็บขอบให้เรียบร้อย แล้วใส่หน้ากากผ้าทับอยู่ด้านนอกอีกชั้น จะช่วยป้องกันฝอยละอองขนาดใหญ่และเล็กได้มากถึง 92.5%

แต่การใส่หน้ากากอนามัยซ้อนกันสองชั้นนั้น “ไม่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น

ตอนนี้ในบางรัฐของอเมริกา ก็มีการประกาศบังคับให้ใส่หน้ากากเวลาออกนอกบ้านแล้ว เช่น วอชิงตันดีซี ถือเป็นมาตรการเสริมจากแคมเปญรณรงค์ช่วยกันใส่หน้ากาก 100 วันหลังจาก ประธานาธิบดีไบเดน เข้ารับตำแหน่ง

ความเคลื่อนไหวของประเทศอื่น ๆ ที่น่าสนใจคือ เยอรมัน ขยายเวลาล็อกดาวน์ไปอีกเดือน เพื่อหวังสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่สหราชอาณาจักร ออกมาให้คำเตือนแก่ประชาชนแล้วว่า การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวนั้น คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนตลอดปีนี้

ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเอง ก็ไม่แนะนำให้ทำการจองใด ๆ เช่นกัน ตราบใดที่ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ได้อย่างครอบคลุม และยังไม่มีข้อมูล ที่จะสามารถยืนยันถึงความปลอดภัย จากการเดินทางท่องเที่ยวได้

ทั้งอเมริกา และประเทศต่างๆ ในยุโรปต่างเน้นมาตรการเข้มงวด เพื่อควบคุมโรคระบาดให้ได้ พร้อมไปกับระดมจัดซื้อจัดหาวัคซีน เร่งฉีด เพิ่มการเข้าถึงบริการ ในหลากหลายช่องทาง

วิเคราะห์สถานการณ์ของไทย

หนึ่ง “การป้องกัน”

ในระดับนโยบายและมาตรการ ประเมินแล้ว ไม่ได้เข้มงวดเช่นต่างประเทศ

ในระดับปฏิบัติ เราเห็นประชาชนที่มีพฤติกรรมป้องกันที่หลากหลาย บางส่วนเคร่งครัดด้วยตัวเอง บางส่วนการ์ดตก และเริ่มมีกิจกรรมในการดำรงชีวิตประจำวันที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อติดเชื้อ ทั้งเรื่องกินดื่มในร้าน ท่องเที่ยว ชุมนุม และอื่น ๆ

สอง “การตรวจ”

ตัวเลขที่มีนั้น เห็นชัดเจนว่า ตรวจน้อยกว่าหลายต่อหลายประเทศ และมีศักยภาพในการตรวจคัดกรองต่อวันที่จำกัด และการเข้าถึงบริการนั้นยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่

สาม “การดูแลรักษา”

คน เงิน ของ เตียง หยูกยา มีศักยภาพถึงระดับหนึ่ง แต่เห็นชัดเจนว่าหากเกิดการระบาดหนัก จะไม่สามารถรองรับอย่างเพียงพอได้

สี่ “วัคซีน”

แม้ไม่ใช่ลำดับต้น ๆ ของโลกที่จะได้รับวัคซีน

วัคซีนที่คาดจะมี คือ Sinovac และ Astrazeneca ด้วยข้อจำกัดด้านเงื่อนเวลาที่ดำเนินการ เกณฑ์การพิจารณาต่อรอง งบประมาณ โครงสร้างพื้นฐานของระบบสาธารณสุข และการขนส่ง

จำนวนวัคซีน 63 ล้านโดส ที่จัดซื้อจัดหาในปีนี้ ทยอยมาในอีกหลายต่อหลายเดือน และต้องใช้เวลาในการฉีดนาน หากใช้เฉพาะระบบบริการภาครัฐ

กลไกการจัดซื้อจัดหา และแจกจ่าย อาศัยกลไกภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งท้าทายต่อเรื่องเวลา และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

หากดูทั้งสี่ด้านข้างต้น จะพบว่า ไม่ว่าจะวิเคราะห์มุมใด ก็ประเมินว่า เราคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดซ้ำซากได้ หากไม่ป้องกันการติดเชื้อแพร่เชื้อให้เคร่งครัด

ยิ่งหากจะไปดำเนินนโยบาย กระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความเสี่ยงย่อมเป็นทวีคูณ ทั้งจากการแพร่ในประเทศกันเอง และจากการนำเชื้อเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเป็นสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่แพร่ง่ายและรุนแรงกว่าเดิม

แม้คนเดินทางเข้ามานั้นอาจได้รับวัคซีนมาแล้ว ก็ไม่ปลอดภัย เนื่องจากวัคซีนที่มีอยู่นั้น คนที่ได้รับก็ยังมีโอกาสติดเชื้ออยู่ โดยไม่มีอาการ และเป็นพาหะที่นำมาแพร่ให้ผู้อื่นได้

ดังนั้น หากโครงสร้างทางสังคม ตั้งแต่การใช้ชีวิตของคนในประเทศ รูปแบบการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมและบริการ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนให้เคร่งครัดเข้มงวดเพียงพอ โอกาสระบาดหนักก็มีสูง และหากระบาดแล้ว ระบบการตรวจคัดกรอง ยังมีศักยภาพที่จำกัด ก็จะตัดวงจรระบาดได้ยาก ส่งผลต่อระบบการดูแลรักษาที่จะไม่สามารถรองรับได้ในระยะยาว

จึงควรขันน็อตเรื่องต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ประชาชนทุกคนคงต้องช่วยกันป้องกันตัวอย่างเต็มที่

ด้วยรักต่อทุกคน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo