ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์ ยังสามารถรักษาแดนบวกไว้ ท่ามกลางการซื้อขาย ที่เป็นไปอย่างผันผวน แม้จะมีแรงหนุนจากความหวังว่า เศรษฐกิจจะขยายคตัวเร็วขึ้นก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 31,381.66 จุด ขยับขึ้น 5.83 จุด หรือ 0.02% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,903.77 จุด ปรับลงมา 7.46 จุด หรือ 0.19% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,934.76 จุด ลดลง 72.94 จุด หรือ 0.52%
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก ที่จะมีขึ้นเวลา 14.00 น. วันนี้ ตามเวลาสหรัฐ โดยจะเป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยคาว่า นายพาวเวลจะกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานสหรัฐ ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะที่ ราคาหุ้นทวิตเตอร์ อิงค์ และโคคา โคลาต่างดีดตัวขึ้น หลังเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2563
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมกราคม หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธันวาคม หากเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% เช่นกันในเดือนธันวาคม
ดัชนี CPI ยังคงอยู่ในระดับต่ำในเดือนที่แล้ว โดยถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้กระทบต่อตลาดแรงงานและภาคบริการ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมกราคม เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.5% เมื่อเทียบรายปี
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หลังพรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการผลักดันสภาคองเกรส ให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณา อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแบบ fast track โดยใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า budget reconciliation
วิธีการดังกล่าว จะปูทางให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา สามารถให้การรับรองงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 สำหรับการผ่านกฎหมายทั่วไป และทำให้ปธน.ไบเดนสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะสามารถลงมติให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไบเดน’ เล็งทบทวน ‘ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน’ จ่อเลิก ‘มาตรการความมั่นคง’ ทรัมป์
- ‘พาวเวล’ ระบุ ‘โควิด’ ชี้ชะตาเศรษฐกิจสหรัฐ ย้ำ ‘นโยบายคลัง’ เครื่องมือช่วยฟื้นตัว
- เฟดชี้ ‘การจ้างงาน’ ในสหรัฐยังไม่ฟื้น รอจนกว่าถึงปี 2023
