Finance

โบรกฯการันตี!! กำไรอุตสาหกรรมหลักไตรมาส 3 พุ่งเกินคาด

จากการสำรวจข้อมูลของนักวิเคราะห์เริ่มออกมาคาดการณ์ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3 ปี 2561 ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก หรือ Real Sector ขณะที่มีสัญญาณที่ดีว่าอาจจะมีโอกาสที่กำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 จะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

คาดการณ์กำไรไตรมาส3 ปี61 เทียบไตรมาส2 ปี612v2 01

นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า ภาพรวมของงบการเงินในงวดไตรมาส 3 ของปี 2561 อิงจากที่ฝ่ายวิจัยรวบรวมมาจากการประชุมนักวิเคราะห์ พบว่ามีโอกาสที่ ตลาดจะได้เห็น กำไรดีกว่าคาดอีกครั้ง

สรพล วีระเมธีกุล” นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า แนวโน้มภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย งวดไตรมาส 3 ปี 2561 ฝ่ายวิจัยได้คาดการณ์ว่า ภาพรวมน่าจะทรงตัวจากงวดไตรมาส 2 ปี 2561 ซึ่งในเบื้องต้นได้ประมาณการกำไรกลุ่มสถาบันการเงิน โดยในไตรมาส 3 ปีนี้น่าจะลดลงจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่น่าจะดีขึ้นหากเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน

“ฝ่ายวิจัยประเมินอยู่ระหว่างการพิจารณากลุ่มสถาบันการเงินก่อน ส่วนกลุ่มเรียลเซกเตอร์ภาพรวมน่าจะทรงตัวหากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน”

ด้านบล.โนมูระพัฒนสิน ประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ของกลุ่มธนาคารรายงานออกมาทั้งหมด 9 ธนาคาร มีกำไรสุทธิรวมที่ 5.4 หมื่นล้านบาท ดีกว่าคาด 8.6% มีเพียง TISCO ที่แย่กว่าคาดหนุนให้กลุ่มธนาคารฟื้นตัวดีขึ้น

ขณะที่กลุ่ม Real Sector  หรือกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก จะรายงานในลำดับถัดไปซึ่ง 103 บริษัทที่คาดการณ์จากConsensus คาดจะมีกำไรสุทธิ 1.51 แสนล้านบาทดีกว่ากว่า 35.1% เทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 20.5%จากไตรมาส 2/61 การที่เติบโตได้เนื่องจาก PTTEP, EGCO, GGC พลิกกลับมามีกำไรจากขาดทุนสูงในช่วงก่อน ดังนั้นผลประกอบการที่สดใสน่าจะหนุนตลาดฟื้นตัว

นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า แนวโน้มกลุ่มผลประกอบการกลุ่มอื่นๆ ประเมิน กลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้จะเติบโตกว่าไตรมาส 2 ปี 2561 ประกอบด้วย กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มาจากการรับรู้จากยอดโอนที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของแนวราบและคอนโดฯ ตามยอดแบ็คล็อกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมธุรกิจเพิ่มขึ้นเช่นกัน ก่อนที่ผลการดำเนินงานจะทำจุดสูงสุดของปีในไตมาส 4 ปี 2561 โดยผู้ประกอบการฯ ที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน และเติบโตจากงวดไตรมาส 2 เช่น LPN, ANAN, PSH, SC และ ORI

กลุ่มปิโตรเลียม แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2561 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กจากงวดไตรมาส 2 ปี 2561  โดย PTTEP ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ และราคาขายก๊าซที่ปรับขึ้นตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลบวกต่อไปยัง PTT

กลุ่มพลังงานทดแทน คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 3 ปี 2561 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากงวดไตรมาส 2 ปี 2561 ที่โดดเด่น ได้แก่ บริษัท TPIPP ซึ่งอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทุกโรงไฟฟ้าสูง ขณะที่โรงไฟฟ้า SPP แรงหนุนหลักจาก บริษัท BGRIM นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการ บริษัท CKP กำไรปกติเพิ่มขึ้นตามช่วงฤดูกาล

กลุ่มประกันฯ กำไรเติบโตหลักๆ มาจากกลุ่ม Non-life กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส3ปี2561 ของกลุ่มฯ (หุ้นDELTA, HANA, KCE และ SVI) เพิ่มขึ้น 7.3%จากไตรมาส 2 ปี 2561 หนุนจาก คำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวในช่วงปลายปี รวมถึงผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่น่าจะอ่อนค่าลง

กลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วงไฮซีซั่น รวมทั้ง รพ. หลายๆ แห่งมีการยกฐานรายได้-กำไรสูงขึ้นจากผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ (ผู้ป่วยประกันสุขภาพ ผู้ป่วยที่รักษาโรคซับซ้อน และโรคเรื้อรัง) ที่มีความมั่นคงมากกว่าการพึ่งพิงการเติบโตจากโรคระบาด คาดรพ. ที่มีกำไรเติบโตโดดเด่น คือ หุ้น BDMS, CHG และ RJH

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะงานฐานรากที่เข้าสู่ช่วงสูงสุดของการรับรู้รายได้ นำโดยบริษัท SEAFCO ขณะที่ CK ได้อานิสงส์จากบริษัทร่วมอย่าง CKP ที่ผลประกอบการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และได้เงินปันผลจาก TTW เข้ามาหนุน

กลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการในงวดไตรมาส 3 ปี 2561 และเติบโตงวดเดียวกันของปีก่อน กลุ่มยานยนต์ คาดกำไรปกติไตรมาส 3 ปีนี้จะเติบโตสูงกว่าการเติบโตของยอดขาย บนความคาดหมายว่ายอดผลิตรถยนต์จะสูงขึ้น ทำให้ประเมินยอดขายของบริษัทในกลุ่มฯ เติบโตไปในทิศทางเดียวกับยอด

กลุ่มสื่อ-บันเทิง ซึ่งหลักๆ มาจากธุรกิจสื่อนอกบ้าน หลังผ่านพื้นช่วงโลว์ซีซั่นไปแล้ว และเม็ดเงินโฆษณาในเดือนตุลาคมที่จะกลับมาเติบโตจากฐานต่ำในปีก่อน นำโดย หุ้น VGI, MACO, PLANB ขณะที่ RS ได้แรงหนุนจากธุรกิจพาณิชย์กลับมาฟื้นตัวได้

กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม คาดกำไรปกติเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน แม้เหตุเรือทัวร์จีนล่มจะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทย แต่คาดไม่ส่งผลลบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการกลุ่มธุรกิจโรงแรมทั้ง บริษัท MINT, CENTEL และ ERW เหตุเพราะการมีโครงสร้างรายได้ที่กระจายตัวของ MINT และ CENTEL รวมถึงความหลากหลายของฐานธุรกิจโรงแรมของ ERW เป็นปัจจัยที่มาช่วยหนุน

กลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 จะลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2561 ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP เป็นผลของฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วงฝน ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะปรับตัวลดลง รวมทั้งการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าของ EGCO และ RATCH ส่วน GLOW ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่า Ft ถูกตรึงไว้เท่าเดิม

กลุ่มถ่านหิน หลักๆ มาจาก BANPU คาดกำไรปกติไตรมาส 3 ปี 2561 มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ปี 2561 ถึงแม้กำไรจากธุรกิจถ่านหิน จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายถ่านหินของเหมืองในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาขายเฉลี่ยยังทรงตัวได้ในระดับสูง แต่จะถูกหักล้างจากแผน shutdown โรงไฟฟ้า 2 แห่งในไตรมาส 3 ปี 2561

กลุ่มปิโตรเคมี-โรงกลั่น คาดผลการดำเนินงานปกติของกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในงวดไตรมาส 3 ปี 2561 จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากงวดไตรมาส 2 ปี 2561 โดยในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นนั้น สาเหตุมาจากค่าการกลั่นที่จะอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น รวมทั้งแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นของ IRPC และโรงงานปิโตรเคมีของ PTTGC รวมเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน

ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีนั้นคาดว่า spread ผลิตภัณฑ์สายโอเลฟินส์ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่ผลิตภัณฑ์สายอะโรเมติกส์คาดยังเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากซัพพลายใหม่ ยังไม่เข้ามาไม่ทันในช่วงดังกล่าว แต่หากพิจารณาแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มฯงวดไตรมาส 3 ปี 2561 นั้น คาดจะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2561 เพราะคาดจะบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันลดลงมีนัยฯ เมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight