Politics

โทษหนัก! ป.ป.ช. ฟัน ‘เอ๋ ปารีณา’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ลุ้นหลุด ส.ส.

ป.ป.ช. ฟัน “เอ๋ ปารีณา” ผิดจริยธรรมร้ายแรง ฐานรุกป่า โทษหนักสุดถึงขั้นหลุดจากตำแหน่ง ส.ส. จ่อแถลงพรุ่งนี้ บ่าย 2

วันนี้ (9 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ ได้พิจารณา กรณี นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกกล่าวหาในคดีบุกรุกป่า ตามที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ส่งเรื่องมายัง ป.ป.ช.

parii

ที่ประชุมมีมติ ชี้มูลความผิดว่า นางสาวปารีณา ผิดจริยธรรมร้ายแรงหลายข้อด้วยกัน เช่น ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ และผลประโยชน์ขัดกัน  เนื่องจากเห็นว่า นางสาวปารีณา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ บุกรุกที่ดิน กรณีจงใจที่จะกระทำความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ที่ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนจริยธรรมของนักการเมือง

ป.ป.ช. จะสรุปสำนวน เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาตอ่ไป โดยโฆษก ป.ป.ช.จะแถลงข่าวโดยละเอียด ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.)  เวลา 14.00น. ที่ห้องแถลงข่าวสำนักงานป.ป.ช.สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี

อย่างไรก็ตาม สำหรับโทษข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรงคือต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. โดยเมื่อศาลฎีกา รับฟ้องจะต้องพิจารณาตัดสินว่าพ้นจากตำแหน่งหรือไม่

การลงมติข้างต้นเกิดขึ้น หลังเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว บก.ปทส.สรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นางสาวปารีณา คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติรวม 4 ข้อหา ส่งให้อัยการราชบุรี โดนทั้งส่วนตัว-นิติบุคคล พร้อมกับเรียกนายทวี ไกรคุปต์ บิดานางสาวปารีณา  รับทราบข้อหารุกที่ดินรัฐกว่า 1,000 ไร่ด้วย

ปารีณา

ทั้งนี้ บก.ปทส. ได้สั่งฟ้องนางสาวปารีณา รวม 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย

ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 และ ม.31 “ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”

ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้าม ในราชกิจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่าห้าสิบไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ความผิดตามพ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 “ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 4-20 ปี ปรับ 200,000-2,000,000บาท

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo