ออกมาเคลียร์ชัด ๆ สำหรับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” พิธีกรและผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์และมิสแกรนด์
โดย ณวัฒน์ เผยว่า การสนับสนุนการเป็นสปอนเซอร์ เป็นการทำตามข้อตกลงผลประโยชน์ต่างตอบแทน เราทำงานเต็มความสามารถของเราแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการอำนวยความสะดวกในการทำงาน เรื่องการมีบุญคุณ ถ้าใครเป็นสปอนเซอร์ แล้วถ้าเขาจ่ายเงินช้ามาก ๆ ทวงแล้วทวงอีกทุครั้ง จะรู้สึกเหนื่อยและล้าหรือไม่
“เคสสุดท้ายคือปีโกโก้ (โกโก้ อารยะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019) ตีซะว่าเขาอาจจะไม่รู้ก็ได้นะครับ ที่ไปเดินแฟชั่นโชว์ชุดประจำชาติ ประมาณเกือบ 20 คน ไปเดินแล้วทุกคนทนทุกข์ทรมานมาก ไม่มีห้องแต่งตัว ไม่มีห้องแต่งหน้า ต้องไปตามซอก ไม่มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ต้องไปในห้องน้ำ ไม่มีอาหาร เออาร์ของผมเครียดมาก แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่ลำบากมากกับน้องทุกคนในการทำงาน แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาเสมอ”
“จนเหมือนกับว่าได้รับความลำบากเหลือเกิน แต่ทำงานได้ มันได้รับการดูแลแบบนี้จริง ๆ ผู้หญิง 20 คนกับช่างแต่งหน้ายังไม่เท่าไหร่ คอสตูมอีก ชุดประจำชาติที่ต้องการไปโชว์ แล้วการไปโชว์ครั้งนั้นก็ไปอยู่ในแพ็กที่เป็นคอมพลีเมนทารี เราทำงานเต็มความสามารถแล้วครับ แต่ว่าเราไม่ได้รับความอำนวยความสะดวก ซึ่งมันก็ลำบาก แต่ถามว่าโกรธมั้ย ก็แค่สงสัย แล้วมันก็เป็นแบบนี้จนน้อง ๆ หรือทีมเออาร์ หรือที่บริษัทเขาก็รู้สึก เพราะเขาบอกว่าพอก่อน คือมันหลายครั้ง อันนั้นคือส่วนหนึ่ง”
ทุกอย่างที่พูดมีหลักฐานชัดเจน กระทั่งสายป่านเส้นสุดท้ายขาดตั้งแต่ปี 61 เพราะบริษัทเตรียมจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีการยกหนี้ข้ามปี ทำให้ฝ่ายการขายและที่ปรึกษาในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทแนะนำให้ยุติการค้าการขายโฆษณาให้กับคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้
เรื่องการตามเงิน มีหลักฐานการตามเงินทุกอย่าง แต่มักจะถูกลูกน้องของอีกฝ่ายอ้างเสมอว่าเจ้านายยังไม่สะดวก ยืนยันที่เล่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ไม่แน่ใจว่าเจ้าของบริษัทคู่ค้าทราบหรือไม่ อาจจะเป็นความบกพร่องของลูกน้องก็ได้
“นี่คือเหตุผลที่ผมขออธิบายเรื่องของการบอกว่า ถ้าใครสักคนหนึ่ง บอกว่าเคยมีบุญคุณ ผมบอกเลยว่าการทำงาน แล้วมีผู้สนับสนุนถือเป็นสัญญาต่างตอบแทนครับ แล้วผมทำงานเต็มความสามารถไปแล้ว แล้วสิ่งที่เราไม่ได้ไปต่อด้วยกัน ผมเป็นคนเลือก เพราะว่าครั้งสุดท้าย ถึงแม้วันนั้นที่ยังไม่จ่าย ยังมีการบอกให้ผมส่งสัญญา เอาเหมือนปีที่แล้วมาให้ แล้วขอชุดเพิ่มเป็น 40 ชุด แล้วจะรีบเซ็นด่วน ผมก็นิ่งเงียบ แล้วผมก็ไม่ติดต่อ ผมก็เป็นคนโทรไปบอกกับผู้ช่วยว่า ไม่แล้วครับ ไม่ไหว”
ตอนนี้อีกฝ่ายจ่ายเงินให้ครบหมดแล้ว ไม่ได้ออกมาทวง และไม่ได้ต้องการออกมาแฉใคร เพียงแต่แสดงจุดยืนว่าตัวเองไม่ได้เนรคุณใคร การจะเป็นสปอนเซอร์หรือไม่ได้เป็นขึ้นอยู่ที่สัญญาต่างตอบแทน ซึ่งหลังจากครั้งนั้นที่เคลียร์ก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย ไม่เคยเจอกัน
ถูกกล่าวหาว่าคอยวิจารณ์คนดังในแง่ลบ ต้องบอกจุดยืนก่อนว่า ผมเป็นบุคคลสาธารณะ ผมมีเพจในการช่วยรณรงค์สิทธิความเสมอภาค และการไม่เอาเปรียบกัน และการถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ทำมานานแล้ว ถ้าเกาะคนดังจริง ๆ คงไม่ได้พูดถึงเขา ผมเคยสนับสนุนในเรื่องที่ต้องการทั้งคำนำหน้าและหลาย ๆ อย่าง อยากให้ย้อนดู เคยสนับสนุนกระทั่งว่าคุณน่าจะเป็นนักการเมืองได้ เพราะเห็นความเอาจริงเอาจัง ความเก่ง
แต่เมื่อได้เห็นสัมภาษณ์ในวันนั้น รู้สึกว่าไม่ใช่หัวข้อที่เราเคยอยากผลักดัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสม สิ่งเหล่านี้จะทำให้สิ่งที่เราเคยผลักดันเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน เราเคยเต็มที่ในประเด็นแบบนี้ จึงต้องถอยออกมา ต่อไปนี้เราไม่เกี่ยว
รู้สึกตกใจเหมือนกัน เราชอบเขาในภาพลักษณ์เดิม แต่ภาพลักษณ์ใหม่ที่เล่าเรื่องแนวนี้ รู้สึกลำบากใจ และไม่อยากให้ใช้พื้นที่สาธารณะทำแบบนี้ ต่อให้ไม่ใช่คนนี้หรือเป็นคนอื่น ๆ ก็คงโดนทุกคน ต่อให้เป็นใครก็คงไม่เหมาะสม เด็กดูเยอะ คนดูเยอะ แน่นอนเป็นไอดอลของหลาย ๆ คน ถ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติต่อไปสังคมจะอันตราย อยากให้จำไว้ว่าทุกอย่างมันจะถูกบันทึกชั่วชีวิต
ตอนที่เราเคยสนับสนุนเขายืนยันสนับสนุนด้วยใจ ไม่ใช่สคริปต์ รู้จักเขามานานเป็น 10 ปี ที่ผ่านมาเขาเดินมาถูกทางแล้ว อย่าเลี้ยวไปทางอื่นเลย ไม่แน่คนรอบตัวอาจจะเยินยอไม่กล้าคัดค้าน แต่ผมค่อนข้างจะชัดเจน
ส่วนที่ถูกต่อว่ากลับมาให้ไปศัลยกรรมแปลงเพศ ไม่ได้รู้สึกอะไร ตราบใดที่เราวิจารณ์คนอื่นได้ คนอื่นก็วิจารณ์เราได้ เรื่องที่ว่ามาอย่างนั้น ไม่รู้สึกโกรธ
เมื่อถามว่าสิ่งที่เราโพสต์ต่าง ๆ คิดว่าจะหยุดพฤติกรรมของเขาได้ไหม? “ไม่ครับ อย่างมากก็ได้แค่ทำให้รู้สึกไตร่ตรอง แต่จะไตร่ตรองได้มากแค่ไหนไม่รู้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล”
เมื่อก่อนอาจจะเป็นเพื่อน แต่สถานะปัจจุบัน 2564 ไม่ถึงขนาดถ้าเจอแล้วจะไม่คุยกัน แต่เราจะไม่คุยเรื่องงาน ทำไม่ได้จริง ๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ร่วมงานด้วยไม่ได้ แต่ถ้าเป็นแบบเดิม เป็นคนทำงานก็ยินดีจะทำให้
จากนี้คงไม่มีการโพสต์อะไรถึงเขาแล้ว “ฝากให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด แล้วก็ไม่มีอะไรจีรังในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปสอนใคร อย่างที่บอกว่าให้ใจเย็นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะค่อยๆ ผ่านไป วันหนึ่งไม่แน่นะครับ อาจจะต้องมาขอบคุณก็ได้ว่ามันก็สมควรน่ะ เราอย่าลืมสิว่าเด็กตัวเล็กๆ สองคนที่อยู่เคียงข้างสักวันเขาก็โต แล้วเขาจะดูอะไรล่ะครับ”
ที่มา nineentertain
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แอน JKN รัวภาพคู่ คุณ ณ. 4 ปีอุดหนุนไปหลายล้าน ถามหาความกตัญญูต่อลูกค้า
- บทเรียนอันล้ำค่า! แอน JKN ไลฟ์เคลียร์ดราม่า พาดพิงนางงามดัง รับผิดเหยียบสุดเกียร์
- ดราม่า! แอน JKN พาดพิงอดีตนางงามจักรวาล เอาเรื่องในมุ้งคนอื่นมาประจาน
