The Bangkok Insight

AREA ชี้อสังหาฯปี’61 ราคาพุ่งเข้ายุค ‘ฟองสบู่’

bkk018 1
คอนโดในกรุงเทพฯ

ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในวงการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า ขณะนี้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯไทยเข้าสู่ภาวะฟองสบู่หรือไม่? ในขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างยืนยันว่า “ไม่มีภาวะฟองสบู่” ในตลาดอสังหาฯปัจจุบัน แต่บริษัทผู้ทำข้อมูลวิจัยตลาด บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA มองต่างมุม โดยเชื่อว่าภาวะที่อสังหาฯปรับราคาขายสินค้าแพง จนทำให้มูลค่าสินค้าที่เปิดตัวในตลาดขณะนี้ สูงที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ทั้งที่จำนวนโครงการที่เปิดใหม่ลดลงกว่าปี 2560 ถือว่าเป็นภาวะฟองสบู่ ที่ต้องระมัดระวัง

ข้อมูลล่าสุดจาก AREA ระบุว่า… จากการเปิดตัวสุด”กระฉูด” ในช่วงเดือนกันยายน 2561 คาดว่าในเดือนตุลาคมและทั้งไตรมาสที่ 4 ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จึงมีแนวดโน้มว่าปี 2561 จะมีโครงการเปิดใหม่ มีมูลค่าสูงสุด นับแต่สำรวจครั้งแรกเมื่อปี 2537 ที่ผ่านมา นับเป็น “ภาวะฟองสบู่ครั้งใหญ่”

GF1

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกที่สำรวจมาตั้งแต่ปี 2537 พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยในปี 2561 น่าจะเกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ

ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปี 2561 เทียบกับปี 2560 มีจำนวนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่รวม 319 โครงการ (ลดลง -1%) มีจำนวนหน่วยขายรวม 86,694 ยูนิต (ลดลงประมาณ -3%) แต่มีมูลค่าโครงการรวม 386,706 ล้านบาท (เพิ่ม 17%) และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มจาก 3.667 ล้านบาท เป็น 4.461 ล้านบาท (22%)

โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยที่เปิดขายมากสุด คืออาคารชุดจำนวน 52,277 หน่วย (60%) รองลงมา คือ ทาวน์เฮ้าส์ 21,100 หน่วย (24%) และอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 8,587 หน่วย (10%)

เมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย พบโครงการเปิดใหม่ 302 แห่ง รวมมูลค่า 84,455 หน่วย รวมมูลค่า 372,462 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 4.41 ล้านบาท

GF2

อย่างไรก็ตาม หากคาดการณ์จากการเปิดตัวในช่วง 9 เดือนแรก โดยใช้ค่าเฉลี่ยของแต่ละเดือนจะพบว่า ปีนี้น่าจะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ 403 แห่ง (ลด 2%) จำนวนหน่วย 112,607 หน่วย (ลด 2% เช่นกัน) แต่มูลค่าการพัฒนากลับเพิ่มเป็น 496,616 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 12% ส่วนราคาเป็น 4.41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 14%

หากพิจารณาเพิ่มเติมว่าจำนวนที่สำรวจรายเดือนนี้ ยังอาจน้อยกว่าที่ควรมีจริงราว 5% และจำนวนหน่วยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่อาจลดลงกว่าค่าเฉลี่ย 5% แต่มูลค่าเฉลี่ยต่อหน่วยไม่ได้ลดลง ก็จะคาดการณ์ได้ว่า จำนวนหน่วยอาจเพิ่มเป็น 116,759 ยูนิต (เพิ่มขึ้น 2%) มูลค่าจะกลายเป็น 521,447 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 18% ส่วนราคาขายเป็น 4.466 ล้านบาท

การที่มูลค่าอสังหาฯเพิ่มขึ้นถึง 18% ทั้งที่การเปิดโครงการลดลง ถือเป็นภาวะฟองสบู่อย่างชัดเจน!

ดร.โสภณ กล่าวว่า ตลอดช่วง 24 ปีที่สำรวจมา ปี 2561 นี้จะเป็นปีที่มูลค่าการพัฒนาสูงที่สุด แต่จำนวนหน่วยไม่มากนัก เพราะขณะนี้เน้นของที่มีราคาสูง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะ 20% ของหน่วยขาย ขายให้กับนักเก็งกำไรทั้งระยะสั้นและระยะยาว(นักลงทุน) และอีกราว 20% ขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีน

การเกิดภาวะ “ฟองสบู่” ในกลุ่มสินค้าราคาสูงนั้น มีความเสี่ยงมาก หากไม่มีการโอน อาจทำให้กระแสเงินสดของโครงการสะดุดได้ สถาบันการเงินและนักพัฒนาที่ดิน จึงพึงติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิดและให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

Avatar photo