สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภูมิภาค RSI พบ “กรุงเทพฯ ปริมณฑล” ต่ำสุดในประเทศต่อเนื่อง สะท้อนภาพอนาคต เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ “เหนือ อีสาน ใต้” ทิศทางดีขึ้น
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (Thailand Regional Economic Sentiment Index: RSI) ประจำเดือนมกราคม 2564 พบว่า ดัชนี RSI เดือนมกราคม 2564 ชี้แนวโน้มความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในบางภูมิภาค โดยเฉพาะภาคการลงทุนและภาคบริการของกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่
อย่างไรก็ดี แนวโน้มความเชื่อมั่นในอนาคตของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ภาคใต้ และภาคตะวันออกยังมีทิศทางที่ดีขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจอีสาน อยู่ที่ระดับ 55.7 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคเกษตรและภาคการลงทุน เนื่องจากการเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในภาคเกษตรส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น ในส่วนของภาคการลงทุนคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 53.7 แสดงถึงความเชื่อมั่น เศรษฐกิจ ในอนาคตที่ยังมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยางพาราเพิ่มสูงขึ้น อาทิ เช่น ถุงมือแพทย์ ถุงยางอนามัย ยางยืด และยางรถยนต์ เป็นตัน
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 52.2 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตร ประกอบกับมาตรการภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.1 สะท้อนความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในระดับที่ทรงตัว เนื่องจากเกษตรกรคาดว่าปริมาณน้ำอาจจะไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกในช่วงสิ้นสุดฤดูฝนและเข้าสู่ฤดูแล้ง จึงลดพื้นที่การเพาะปลูกลง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การกระจายวัคซีนป้องกันโรคอย่างทั่วถึงยังสร้างความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคกลาง อยู่ที่ 43.4 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคการเกษตรและภาคการจ้างงาน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนและลดการจ้างงานลง
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตก อยู่ที่ 41.3 สะท้อนถึงการคาดการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม อย่างไรก็ดี ภาคเกษตรยังมีแนวโน้มความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นโดยคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายและทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนภาคเกษตรอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 40.7 สะท้อนภาวะอนาคต เศรษฐกิจชะลอตัว ในภาพรวม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในเดือนมกราคม 2564 ยังคงต่ำที่สุดในประเทศต่อเนื่องจากปลายปี 2563
“เศรษฐกิจ 2564” คาดขยายตัวลดลงเหลือ 2.8%
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ยังได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 2563 มาที่ -6.5% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -6.8 ถึง -6.3%) จากเดิมที่คาดไว้ที่ -7.7% สาเหตุที่ GDP ปีนี้ติดลบน้อยลง เนื่องจากการที่รัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี และมีมาตรการเยียวยาออกมาต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2563
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.8% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.3 – 3.3%) ปรับลดจากการการประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ระบาดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทำให้คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2564 จะลดลง
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกจากการได้รับวัคซีนของประชากรในประเทศต่าง ๆ ในระยะต่อไป ประกอบกับภาครัฐได้ดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจ อาทิ โครงการคนละครึ่ง, โครงการเราชนะ และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
ประกอบกับคาดว่า จะมีการเบิกจ่ายเงินจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานให้เพิ่มสูงขึ้น
โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัว 2.5% ต่อปี และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 3.4% ต่อปี ขณะที่การบริโภคภาครัฐ จะขยายตัวที่ 6.1% ต่อปี และการลงทุนภาครัฐ จะขยายตัวที่ 12.1% ต่อปี สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวที่ 6.2% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.7 – 6.7%)
โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจ ประเทศคู่ค้าสำคัญ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ที่ 1.3% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.8 – 1.8%) ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้น และการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ
เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าของวัคซีน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็คแนวโน้มราคาทองคำช่วงตรุษจีน คาดยังไปไม่ถึง 28,000 บาท!
- ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ ‘กรุงเทพฯ-ปริมณฑล’ อยู่ระดับต่ำสุดของประเทศ
- ด่วน! สภาพัฒน์แถลง ‘GDP’ ไตรมาส 3 หดตัว 6.4% ดีกว่าคาดการณ์