กรมควบคุมโรค สั่งหนังสือด่วนที่สุดถึง กรุงเทพมหานคร จี้ตรวจสอบ ดำเนินการตามกฎหมายอย่าง กรณีผู้ป่วยโควิด 19 ปกปิดข้อมูล ป้องกันแพร่ระบาดวงกว้าง
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กรณีที่มีผู้ป่วยโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เชื่อมโยงกับงานฉลองวันเกิดของดีเจดัง ซึ่งมีบางรายปกปิดข้อมูลในไทม์ไลน์ นั้น กรมควบคุมโรค ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เรื่อง ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย ลงวันที่ 27 มกราคม 2564 เนื่องจากพบว่ามีบุคคลอื่นซึ่งมีประวัติใกล้ชิดกับดีเจดังติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลการเดินทางของบุคคลดังกล่าว และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีการให้ข้อมูลบางประการที่ไม่สอดคล้องกัน รวมถึงมีการปฏิเสธ หรือปกปิดข้อมูลบางส่วน ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งการกระทำดังกล่าว อาจทำให้โรคโควิด 19 แพร่ระบาดไปในวงกว้าง และทำให้การป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ล่าช้าและไม่ทันการณ์ได้
จากกรณีดังกล่าว กรมควบคุมโรค ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. กรณีที่บุคคลให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน หรือมีการปฏิเสธหรือปกปิดข้อมูลซึ่งควรต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิด ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. กรณีสถานที่ซึ่งใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค และไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด รวมถึงกรณีบุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัด ซึ่งเป็นมาตรการตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ขณะที่ กรุงเทพมหานคร ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ที่ 1/2564 ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวด เพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วงนี้ ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนอย่าปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลล่าช้า เพราะจะส่งผลให้การควบคุมโรคทำได้ช้า ไม่ทันการณ์ และเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นเพิ่มได้อีก
ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเอง โดยสวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เช็กชื่อด้วย “ไทยชนะ” และดาวน์โหลด “หมอชนะ” เพื่อช่วยให้การสอบสวนควบคุมโรค และติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ประกาศ 8 ข้อ ‘พรก.ฉุกเฉิน’ ฉบับ 15 ‘ห้ามชุมนุม-มั่วสุม’ สกัด ‘โควิด’
- ประกาศคำสั่งป้องโควิด โหลดแอพ ‘หมอชนะ-ไทยชนะ’ ตั้งจุดตรวจ -คุมเข้มลักลอบเข้าเมือง
- คลัสเตอร์ ดีเจมะตูม ผู้ติดเชื้อโควิดแล้ว 24 ราย สธ.ชี้ผลปูพรมตรวจโควิด ดันตัวเลขพุ่ง