“ศักดิ์สยาม” เช็คความพร้อม “รถไฟฟ้าสายสีแดง” ก่อนเปิดวิ่ง สั่งซ่อมสถานีให้เสร็จภายใน เม.ย. จี้การรถไฟฯ อย่าบริหาร “สถานีกลางบางซื่อ” แบบขาดทุน
วันนี้ (27 ม.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะ ลงพื้นที่สถานีกลางบางซื่อและโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน เพื่อตรวจความพร้อมก่อนเปิดให้บริการประชาชนในช่วงปลายปี 2564
นาย ศักดิ์สยาม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อตรวจความพร้อมของโครงการ รถไฟฟ้าสายสีแดง ก่อนที่จะเปิดให้บริการประชาชนในปลายปี 2564 โดยได้ทดลองโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ซึ่งมีระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จำนวน 3 สถานี ได้แก่ สถานีบางซ่อน บางบำหรุ และตลิ่งชัน
จากการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในครั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะต้องซ่อมบำรุงในส่วนที่เป็นสถานี ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จมานานและไม่ได้เปิดใช้บริการ ต้องมีการปรับพื้นทางให้ได้มาตรฐานเพื่อให้สามารถเดินรถได้เต็มประสิทธิภาพ
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง จากสถานีบางซื่อ – ตลิ่งชัน ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที หากใช้รถยนต์อาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า รถไฟฟ้าสายสีแดง เป็นทางเลือกใหม่ให้ประชาชนเดินทางจากใจกลางกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ด้านตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย
การรถไฟฯ จะทดลองเดินรถเสมือนจริงในเดือนมีนาคม 2564 และมีแผนการซ่อมบำรุงระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2564 ซึ่งในเดือนเมษายน 2564 ระบบทุกอย่างจะสมบูรณ์
ในส่วนการบริหารการใช้พื้นที่ของสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 4 แสนตารางเมตร ได้มอบแนวคิดเป็นหลักการว่า ให้การรถไฟฯ บริหารจัดการพื้นที่ให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย โดยให้การรถไฟฯ พิจารณาสัดส่วนการใช้พื้นที่ในเชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้อย่างเหมาะสม ทำให้สถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีอัจฉริยะ (Smart Station) เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มผลิตสินค้าโอท็อป (OTOP) ใช้เป็นตลาดจำหน่ายสินค้า OTOP อย่างยั่งยืน นำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่เพื่อลดต้นทุน บริหารโดยยึดหลักกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด และการรถไฟฯ จะต้องรายงานแผนการใช้พื้นที่ต่อกระทรวงฯ ภายใน 1 สัปดาห์
สำหรับการบริหารพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 9 แปลง ประมาณ 2,000 กว่าไร่ การรถไฟฯ ยืนยันว่า พื้นที่ 5 แปลงแรก สามารถออกข้อกำหนดและเงื่อนไขรายละเอียดได้ทันที โดยจะออกข้อกำหนดให้เป็นสถานที่ทำงาน ศูนย์ราชการ ที่อยู่อาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และเป็น Smart City
ส่วนที่เหลืออีก 4 แปลง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะต้องมีการรื้อย้ายสิ่งต่าง ๆ ออกไป เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือสถานีขนส่งหมอชิต 2 ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เป็นต้น ได้ให้การรถไฟฯ พิจารณากำหนดระยะเวลาในการรื้อย้ายที่ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถออกข้อกำหนดและเงื่อนไขรายละเอียดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้พื้นที่ทั้ง 9 แปลง สามารถดำเนินการควบคู่กันได้
ส่วนแผนการบริหารจัดการเดินรถไฟทางไกลของการรถไฟฯ ที่มีสถานีต้นทางและปลายทางที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) มีขบวนรถประมาณ 188 ขบวน ซึ่งในปี 2566 จะไม่มีขบวนรถไฟทางไกลวิ่งเข้าสถานีหัวลำโพงนั้น สามารถปรับแผนบริหารจัดการเดินรถได้
โดยมีเป้าหมายจากการเปิดเดิน รถไฟฟ้าสายสีแดง เชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยจะไม่มีรถไฟทางไกลวิ่งเข้าสถานีหัวลำโพง หรือหากจะต้องมีขบวนรถไฟทางไกลวิ่งเข้าสถานีหัวลำโพงเพื่อทำการเติมน้ำมัน จะต้องวิ่งเข้าสถานีหัวลำโพงระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น. เท่านั้น เพื่อให้การจราจรทางถนนในกรุงเทพฯ ไม่ติดขัด เพราะขบวนรถไฟ
ส่วนพื้นที่โดยรอบกรุงเทพฯ ได้วางแผนว่าจะทำเป็นขบวนรถไฟขนส่งสินค้า โดยแผนการเดินรถดังกล่าว ผู้ว่าการรถไฟฯ ประธานกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯ และปลัดกระทรวงคมนาคม จะร่วมกันพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไฟเขียว EIA ‘รถไฟฟ้าสายสีเหลือง’ แต่ยังติดหล่มเจรจาผลประโยชน์ BTS-BEM
- โต้ ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’ ค่าโดยสาร 62 บาทแค่เอกสารประมูล ของจริงอยู่ที่ 45 บาท
- ‘รถไฟฟ้าสายสีเขียว’ ค่าโดยสาร 104 บาทไม่แพง! ‘กทม.’ ยืนยันเริ่มเก็บ 16 ก.พ.