Business

เปิดกลโกง ขบวนการงาบเงิน ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ รวบเครือข่าย ชัยภูมิ ภูเก็ต

เปิดกลโกง เราเที่ยวด้วยกัน ตำรวจเผย ทำเป็นขบวนการ ลั่นโดนทั้งคนขายสิทธิ ผู้ซื้อสิทธิ ล่าสุดจับ 2 เครือข่ายที่ ชัยภูมิ ภูเก็ต พบทั่วประเทศใช้สิทธิเข้าข่ายธุรกิจกว่า 900 คน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า จากการสืบสวนร่วมกันของ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.), ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) พบว่า มีผู้ประกอบการธุรกิจ ที่กระทำการเข้าจ่ายทุจริตโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน หลายรูปแบบ โดยล่าสุด เปิดกลโกง เราเที่ยวด้วยกัน ที่ทำเป็นขบวนการ

เปิดกลโกง เราเที่ยวด้วยกัน

สำหรับการกระทำ ที่เข้าข่ายทุจริตหลายรูปแบบ เช่น เปิดให้มีการจองห้องพัก แต่ไม่มีการเข้าพักจริง, นำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินห้องพัก ไปสแกนใช้จ่ายกับร้านค้า แต่ไม่มีการซื้อสินค้าจริง, บางโรงแรมมีที่ตั้งจริง ลงทะเบียนถูกต้อง แต่ยังไม่เปิดให้บริการ กลับมีการเปิดให้จองห้องพัก หรือมีการตั้งราคาจองห้องพัก แพงเกินจริง หวังกินส่วนต่างราคาส่วนลด

ทั้งนี้ ผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ ลักษณะกลโกงที่พบ มีดังนี้

  • จะมีผู้ซื้อสิทธิ ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ โดยให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท
  • เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิ จะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”
  • จากนั้นผู้ซื้อสิทธิจะนำเอาโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง
  • อีกวิธีหนึ่งคือ จะนำเอาข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ด ที่ลงทะเบียนแล้ว ไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท
  • เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการดังกล่าวแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูล เพื่อจองห้องพัก กับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร อีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงิน แทนเจ้าของสิทธิ
  • หลังจากที่ผู้สวมสิทธิ ทำการเช็คอิน ตามห้องพักที่ได้ทำการจองไว้ ทางผู้สวมสิทธิ จะนำคูปองที่ได้รับ หลังจากเช็คอิน ไปใช้จ่ายกับร้านค้า ที่ตนเองควบคุม
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

ในส่วนของผู้ต้องหา จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ฯ และ ข้อหาร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ

ขณะที่ พฤติกรรมการกระทำความผิดในคดีนี้ มีลักษณะของการฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งก็จะได้ประสานไปยัง ปปง. ดำเนินคดี ในความผิดฐานฟอกเงินต่อไป

ล่าสด ตำรวจได้ออกหมายจับ ผู้ประกอบการใน จังหวัดชัยภูมิ โดยมีหมายจับ 41 คน จับได้ 36 คน และ จ.ภูเก็ต จับได้ 14 คน และยังมีประชาชน ที่จงใจร่วมใช้สิทธิในลักษณะทุจริต เบื้องต้น คาดมีมากถึง 9,000 คนทั่วประเทศ และเตรียมเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม ในแต่ละพื้นที่ จากการตรวจสอบถึงวันนี้ ยังไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง กับการทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน

“หากใครที่ยังคิดจะทำในลักษณะนี้อยู่ ก็ขอเตือนให้หยุดกระทำ เพราะสร้างความเสียหาย ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ กรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงแรมอื่น ยังมีอยู่ ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด จะแบ่งมอบหมายให้แต่ละภาค ดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลัง และ ททท. แจ้งมา”พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว

ด้านนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า หลังจากตรวจพบความผิด และมีการอายัดตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2563 มีความเสียหายบางส่วน

ส่วนเรื่องพฤติกรรมนั้น มีสองส่วนที่พบความผิดปกติ คือ โรงแรม และอีกส่วนคือ ประชาชนที่ใช้สิทธิ ส่วนที่อายัดไป มีจำนวนที่เสียหายไม่มากนัก แต่มีผลกระทบกับโครงการ

ด้านมูลค่าที่ตรวจสอบพบประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้เสียหาย เพราะว่ามีส่วนที่อายัด ต้องเอาสองส่วนมาประกอบกัน โดยนอกจากพื้นที่ภูเก็ต และชัยภูมิ ที่พบความผิดแล้ว ยังพบในส่วนของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลัก และเมืองรองโดยส่วนใหญ่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo