Economics

‘รมว.คลัง’ จ่อเรียกถกหาทางออกปมเรียกคืน ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’

“รมว.คลัง” จ่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือปมเรียกคืน “เบี้ยผู้สูงอายุ” ชี้ส่วนตัวมองควรแยกสิทธิส่วนบุคคลที่ผู้สูงอายุควรได้รับอยู่แล้วออกจากสิทธิพิเศษ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่กรมบัญชีกลางเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ รวมดอกเบี้ย จำนวน 84,000 บาท คืนจากนางบวน โล่สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากนางบวนได้รับบำนาญพิเศษ ภายหลังจากลูกชายที่เป็นทหารเสียชีวิต หลังจากเหตุคลังแสงระเบิด ว่า เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่มีการกำหนดมาก่อนหน้าแล้วว่า หากผู้สูงอายุได้รับบำนาญพิเศษจากรัฐ ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์รับเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานท้องถิ่น เป็นต้น ต้องหารือกันว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาส่วนนี้อย่างไร เพราะในความคิดเห็นส่วนตัว มองว่า ควรแยกสิทธิส่วนบุคคลที่ผู้สูงอายุควรได้รับอยู่แล้ว นั่นคือ เบี้ยผู้สูงอายุ ออกจากสิทธิพิเศษที่ได้รับตามกรณี เพราะทั้ง 2 สิทธิไม่เกี่ยวกัน

อาคม211641

“จริง ๆ มองว่าสิทธิที่ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นไปตามหลักเกณฑ์สำหรับผู้ที่ไม่มีหลักประกันหลังเกษียณ ตรงนี้ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ควรจะได้รับ และควรจะต้องแยกกับสิทธิพิเศษ อาทิ บำนาญต่าง ๆ ที่ได้รับจากรัฐ เช่น กรณีนี้ที่ได้รับจากการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของลูกชาย ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด คงต้องมาคุยกัน เพื่อแยกสิทธิต่าง ๆ อย่างชัดเจน แม้ว่าในอดีตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องมาคุยเพื่อหาข้อสรุป” นายอาคม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางนิโลบล แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรณีนางบวน โล่สุวรรณ ชาว จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนรวมดอกเบี้ยนั้น เนื่องจากหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561

ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่าจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ซึ่งแต่เดิม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เจริญสุข จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่นางบวน โล่สุวรรณ ตลอดมา

ต่อมาในปี 2563 ได้มีการดำเนินการโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-social welfare) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจ่ายตรงเบี้ยชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ระหว่างกรมบัญชีกลางและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.)

ดังนั้น เมื่อ อบต. มีหนังสือสอบถามกรมบัญชีกลางให้ตรวจสอบกับฐานข้อมูลผู้รับบำนาญ ว่าผู้สูงอายุรายดังกล่าวเป็นผู้รับบำนาญหรือไม่ กรมบัญชีกลาง ได้ตรวจสอบพบว่า เป็นผู้รับบำนาญพิเศษ พร้อมทั้งได้มีหนังสือตอบ อบต. แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ได้รับเงินเบี้ยสูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิ อบต. จะเรียกคืนเงินตามขั้นตอนและวิธีการที่ อบต. กำหนด ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกรมบัญชีกลางที่จะดำเนินการได้

“กรมบัญชีกลางมีความห่วงใย และเข้าใจสถานการณ์ ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้มอบหมายคลังจังหวัดบุรีรัมย์ ประสาน อบต. เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุรายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว” นางนิโลบล กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo