Business

‘ทีเส็บ’ ลุยจัดเอ็กซิบิชั่น อัด 5 กลยุทธ์ ปั้นรายได้ 2.3 หมื่นล้าน ย้ำไทยฮับเอเชีย

ทีเส็บ ชู 5 กลยุทธ์ หนุนจัดเอ็กซิบิชั่นในไทย ตั้งเป้าดึงภาครัฐจัดงาน “หนึ่งกระทรวง หนึ่งงานเอ็กซ์โป” ลั่นปีนี้ มีงานใหญ่จ่อคิวจัดแล้ว 58 งาน สร้างรายได้หมุนเวียน 23,000 ล้านบาท

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ในปี 2564 นี้ ทีเส็บ มีแผนสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ (exhibition) จำนวน 58 งาน แบ่งเป็นงานเดิม 44 งาน และงานใหม่ 14 งาน คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียน 23,000 ล้านบาท

ทีเส็บ

สำหรับงานทั้งหมด ที่จะจัดในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานแสดงสินค้า ด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ

วาง 5 กลยุทธ์จัดงานแสดงสินค้านานาชาติ

  • เอเชียเซ็นทริก (Asia centric)

เน้นการเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานจากภูมิภาคเอเชียให้มากขึ้นทั้งในรูปแบบ ออนไลน์ และ ออฟไลน์ พร้อมทั้งจัดแพ็กเกจสนับสนุนการจัดงานสำหรับผู้จัดแสดงงาน, ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงานในกลุ่มประเทศเอเชีย รวมถึงสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ เพื่อรักษาความเป็นศูนย์กลาง อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ ในภูมิภาคเอเชีย

  • ดึงงานแสดงสินค้าใหม่ และส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้า งานประชุมนานาชาติ หรืองานเฟสติวัลต่าง ๆ ที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกัน จัดในช่วงเวลาเดียวกัน (attract new shows+clustering events) มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานให้มากยิ่งขึ้น
  • ส่งเสริมการขยายงานลงสู่พื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ (driving opportunities to regions) อาทิ โครงการไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนต์ที่ดึงงานเข้าสู่พื้นที่อีอีซี
  • ร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ผลักดันให้เกิดการจัดงานใหญ่ในหน่วยงานต่าง ๆ (collaborating with government) เพื่อให้เกิดการจัดงาน “หนึ่งกระทรวง หนึ่งงานเอ็กซ์โป” (one ministry one expo)
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

พร้อมกันนี้ จะมุ่งกระตุ้นให้ภาครัฐ เห็นถึงความสำคัญของงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยสนับสนุนการจัดงาน หรือส่งเสริมการประชุมหรือการแข่งขัน  ภายในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ภายใต้อุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และยกระดับความสำคัญของงานแสดงสินค้านานาชาติ

  • ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมชมงานผ่านช่องทาง ออนไลน์ มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและกระจายเครือข่ายให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนให้กับผู้จัดงานและผู้ออกร้าน อีกทั้งการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ยังเป็นการช่วยลดการสัมผัส  เพื่อป้องกันโควิด-19 ด้วย

นอกจากนี้ ทีเส็บยังได้จัดทำโครงการ “เอ็กซิบิชั่นนิวนอร์ม” (Exhibition New Norm) เพื่อช่วยฟื้นฟู และผลักดันผู้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และเสริมศักยภาพให้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยได้ตามมาตรการอย่างปลอดภัย ครอบคลุมทุกรูปแบบการจัดงาน ทั้งการจัดงานในรูปแบบปกติ และการจัดงานในรูปแบบปกติร่วมกับออนไลน์ หรือการจัดงานรูปแบบไฮบริด

สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา แม้จะเกิดวิกฤติโควิด แต่ผู้จัดงานได้มีการปรับตัว โดยนำเทคโนโลยีมาช่วย ในการจัดงานรูปแบบปกติร่วมกับออนไลน์ หรือ hybrid exhibition ทำให้ยังคงเกิดการเจรจาธุรกิจกว่า 15,000 คู่ โดยทีเส็บ ให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้านานาชาติทั้งสิ้น 24 งาน มีผู้ร่วมงานจากทั้งในและต่างประเทศรวม 133,259 คน สร้างรายได้ 6,521 ล้านบาท

ทีเส็บ

3 กูรูเอ็กซิบิชั่น ปรับตัวใช้เทคโนโลยีสู้โควิด

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ทางอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในยุควิถีใหม่ อาทิ การจัดสัมมนาออนไลน์, เน้นย้ำสุขอนามัยในการเข้าร่วมงาน, เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์งานให้หลากหลาย รวมทั้งการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบไฮบริด เอ็กซ์ซิบิชั่น เป็นต้น

ขณที่ นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานเอ็กซิบิชั่น ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมต่ออุตสาหกรรม พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แม้ในช่วงวิกฤติโควิด

“นีโอ ในฐานะผู้จัดงานเเสดงสินค้าระดับนานาชาติ ได้นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสานร่วมกับครีเอทีฟไอเดียในการสร้างสรรค์งานเเสดงสินค้าในรูปเเบบใหม่ อาทิ Webinar, Live streaming, Virtual Exhibition และ Online Business Matching เพื่อเสริมศักยภาพเเละเพิ่มการเข้าถึงอย่างไร้ขีดจำกัด”นายศักดิ์ชัย กล่าว

ด้านนายกวิน กิตติบุญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท กวิน อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 และการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ บริษัทได้เริ่มนำ เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการจัดงานแสดงสินค้าของบริษัทฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แสดงไทยได้มีโอกาสพบปะกับกลุ่มเป้าหมายผู้ซื่อจากต่างประเทศที่สนใจแต่ไม่สามารถเดินทางมาได้เพราะปิดประเทศ ผลปรากฎได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้แสดง

ในปี 2564 บริษัทได้เตรียมการจัดงานในรูปแบบ ไฮบริด เพราะคาดการณ์ว่าสถานการโควิด 19 คงยังไม่จบและวัคซีนที่ผลิตออกมายังมีไม่เพียงพอ โดย ดิจิทัล จะครอบคลุมทั้งในส่วนของ International Exhibitors ที่สนใจต้องการขยายตลาดมาประเทศไทยและมาร่วมงานไม่ได้ และ Thai Exhibitors ที่ต้องการขายสินค้าไปต่างประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo