ส่งยาทางไปรษณีย์ สปสช. เผย 7 เดือน มีโรงพยาบาล ร่วมจัดส่งยาให้ผู้ป่วย 217 แห่ง รวมส่งแล้ว 1.77 แสนครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงผู้ป่วยรับเชื้อ
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า โครงการ ส่งยาทางไปรษณีย์ ให้ผู้ป่วย ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
โครงการดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยง ในการรับเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยในการรอรับยา การเดินทาง และยังช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) นำมาสู่ความร่วมมือระหว่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) โรงเรียนแพทย์ หน่วยบริการ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการ ในระบบบัตรทอง
ในเบื้องต้น โครงการดังกล่าว กำหนดระยะเวลาดำเนินการเพียง 3 เดือน แต่จากการตอบรับบริการด้วยดี อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในประเทศ และรอบประเทศ ยังคงมีการแพร่ระบาด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สปสช. จึงได้ให้มีการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้อนุมัติแผนงบประมาณปี 2564 ให้ สปสช. สนับสนุนค่าบริการ ให้กับโรงพยาบาล ในการจัดส่งยาทางไปรษณีย์ ให้ผู้ป่วยที่บ้าน
จากการดำเนินการโครงการในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2563 ถึง 9 มกราคม 2564 มีโรงพยาบาลร่วมโครงการจำนวน 217 แห่ง ผู้ป่วยรับบริการ 147,270 คน บริการรับยาทางไปรษณีย์จำนวน 176,924 ครั้ง รวมการเบิกจ่ายค่าบริการจำนวน 8,845 ล้านบาท โดยทางไปรษณีย์ไทย คิดราคาเหมาจ่าย ทั้งระยะทางและน้ำหนักพัสดุ ในอัตรา 50 บาท/พัสดุ
สำหรับข้อมูลบริการจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ พบว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เป็นกลุ่มผู้ที่รับบริการมากที่สุด คือจำนวน 41,999 ครั้ง รองลงมาเป็น ผู้ป่วยเบาหวาน จำนวน 21,854 ครั้ง ตามด้วย ผู้ป่วยเอชไอวี 5,693 ครั้ง ผู้ป่วยหอบหืด 5,365 ครั้ง และผู้ป่วยหลอดลมอุดกั้น 3,876ครั้ง
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน และทุกคนในประเทศต้องช่วยกัน ซึ่งบริการจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ เป็นโครงการหนึ่ง เพื่อร่วมสนับสนุน ในการลดการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงโรคระบาดอื่น ๆ ได้ โดยได้รับความร่วมมือด้วยดี ทั้งจากไปรษณีย์ไทย และหน่วยบริการที่เข้าร่วม ซึ่งกองทุนบัตรทองจะให้การสนับสนุนบริการนี้ต่อไป
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าว ยังนำไปสู่การสนับสนุนการให้บริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth/Telemedicine) ในการจัดส่งยาให้กับผู้ป่วยที่รับบริการนี้ โดยในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรับยาต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเดินทางมารับยาที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง
สำหรับผู้ป่วย ที่ต้องการใช้บริการจัดส่งยาทางไปรษณีย์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมโดยตรงได้ ที่โรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษา โดยทางไปรษณีย์ไทย จะจัดส่งด้วยบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ถึงปลายทางที่อยู่ผู้รับ ภายในวันทำการรุ่งขึ้น (ปลายทางพื้นที่เดียวกัน) และไม่เกิน 2 วันทำการ (ปลายทางต่างพื้นที่)
ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ทางแอปพลิเคชัน Track&Trace หรือ www.thailandpost.co.th ได้ตลอด 24 ชม.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เริ่ม 1 ม.ค. นี้ ‘บัตรทอง’ ย้ายหน่วยบริการแล้ว ใช้สิทธิได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน
- ‘สปสช.’ เคลียร์ชัด เพิ่มสิทธิประโยชน์บัตรทอง 6 รายการจริงหรือ?