World News

‘ไบเดน’ ลงนาม 15 คำสั่งฉีกนโยบาย ‘ทรัมป์’ นำสหรัฐกลับเข้า WHO

เริ่มงานทันที! “ไบเดน” ลงนาม 15 คำสั่งฉีกนโยบาย “ทรัมป์” นำ สหรัฐ กลับเข้า “ข้อตกลงปารีส-WHO” ฝั่ง UN เด้งรับ! แสดงความยินดี

หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 โจ ไบเดน ผู้นำใหม่ของสหรัฐได้เริ่มงานทันที โดยไบเดนลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 15 ฉบับรวด เพื่อยกเลิกแผนงานและนโยบายสมัยโดนัลด์ ทรัมป์

หนึ่งในนั้น คือ การลงนามคำสั่งประธานาธิบดีฉบันหนึ่ง ยกเลิกกระบวนการถอนตัวของสหรัฐออกจาก องค์การอนามัยโลก (WHO)

2021 2564 โจ ไบเดน สหรัฐ นโยบาย

“ชาวอเมริกันปลอดภัยมากขึ้น เมื่อสหรัฐมีส่วนร่วมสร้างความเข้มแข็งให้กับวงการสาธารณสุขโลก วันแรกในฐานะประธานาธิบดี ผมจะกลับเข้าร่วม WHO และฟื้นฟูความเป็นผู้นำของสหรัฐในเวทีโลก” ไบเดนโพสต์ทวิตเตอร์ในเดือนกรกฎาคม 2563 หลังจากรัฐบาลชุดก่อนหน้าประกาศแจ้งการถอนตัวจาก WHO แก่สหประชาชาติ (UN)

รายงานจากสื่อหลายสำนักระบุว่า ไบเดน เลือก แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดชั้นนำของ สหรัฐ เป็นผู้นำคณะผู้แทนสหรัฐในการประชุมประจำปีของ WHO ในปลายสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ได้ริเริ่มกระบวนการถอนตัว สหรัฐ จาก WHO ไว้เมื่อปี 2563โดยทรัมป์และรัฐบาลของเขากล่าวโจมตี WHO หลายครั้ง แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองพรรคเดโมแครตวิจารณ์ว่า รัฐบาลทรัมป์พยายามโยนความผิดพลาดในการรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของตนเอง ซึ่งส่งผลเสียต่อการจัดการวิกฤตสาธารณสุข

สหรัฐ กลับสู่ “ข้อตกลงปารีส”

นอกจากนี้ โจ ไบเดน ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีอีกฉบับ เพื่อพาสหรัฐกลับเข้าร่วม ข้อตกลงปารีส ปี 2558 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยไบเดนตวัดปลายปากกาภายในห้องทำงานประจำทำเนียบขาว หักล้างการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว

“เรากำลังจะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในแบบที่เราไม่เคยทำมาก่อน” ไบเดนกล่าวก่อนลงนาม

ไบเดนยังเลือกจอห์น เคอร์รี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เป็นทูตพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งบ่งชี้ถึงความสำคัญของประเด็นนี้ในนโยบายต่างประเทศของเขา

ด้านอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN แสดงความยินดีกับการประกาศกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสของรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ ระบุว่า “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ไบเดนดำเนินการนำสหรัฐ กลับเข้าร่วมข้อตกลงฯ อีกครั้ง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างรัฐบาล เมือง รัฐ ธุรกิจ และผู้คนทั่วโลก เผชิญหน้ากับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ”

ทั้งนี้ ข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกือบทุกประเทศทั่วโลกร่วมลงนามในปี 2558 มีจุดมุ่งหมายต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 2 องศาเซลเซียสจากระดับยุคก่อนอุตสาหกรรม

แต่ทรัมป์ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงฯ ไม่นานหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งในปี 2560 โดยอ้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของข้อตกลงดังกล่าวต่อเศรษฐกิจ สหรัฐ

ขณะที่ไบเดนให้คำมั่นว่า จะเข้าร่วมข้อตกลงปารีสอีกครั้งในวันแรกที่รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐต่อจากทรัมป์ โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 เขาโพสต์ทวิตเตอร์ว่า “วันนี้เป็นวันที่รัฐบาลทรัมป์ถอนตัวออกจากข้อตกลงฯ อย่างเป็นทางการ และในอีก 77 วันข้างหน้า รัฐบาลไบเดนจะเข้าร่วมข้อตกลงนี้อีกครั้ง”

get 4 18
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์หลังจากเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 อย่างเป็นทางการ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของ สหรัฐ วันที่ 20 ม.ค. 2021

นอกจากจากนี้ ไบเดนยังได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเรื่องอื่นๆ เพื่อแก้ไขแผนงานและนโยบายสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์ไว้ เช่น  คำสั่งใช้มาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 การพลิกแนวทางรับมือผู้อพยพ การยุติการสร้างกำแพงกั้นสหรัฐ-เม็กซิโก เลิกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ ยกเลิกมติเห็นชอบให้บริษัทคีย์สโตน เอ็กซ์แอลวางท่อส่งน้ำมัน เป็นต้น

คำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจของประธานาธิบดีที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งในยุครัฐบาลบารัก โอบามา ใช้อำนาจนี้บ่อยครั้ง ส่วนยุครัฐบาลทรัมป์ ใช้เยอะในสัปดาห์แรกที่เป็นรัฐบาล ขณะที่นายไบเดนกล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องใช้อำนาจนี้ว่า เพราะจะเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว

ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ การใช้อำนาจนี้ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย โดยคำสั่งของฝ่ายบริหารมักเกิดข้อครหาหากประธานาธิบดีใช้อำนาจนี้ตามอำเภอใจ สภาอาจผ่านกฎหมายเพื่อคว่ำคำสั่งของประธานาธิบดีได้ แต่ประธานาธิบดีก็มีอำนาจจะยับยั้งกฎหมายจากสภาได้ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ไบเดน กล่าวถึงจดหมายที่ทรัมป์เขียนทิ้งไว้ที่ห้องทำงานรูปไข่ของประธานาธิบดีตามประเพณีการเปลี่ยนผ่านผู้นำ สหรัฐ ว่าเป็นจดหมายที่มีเนื้อความใจกว้างมาก

“เพราะว่ามันเป็นจดหมายส่วนตัว ผมจึงจะไม่พูดถึงรายละเอียดจนกว่าผมจะได้คุยกับเขา (ทรัมป์) ก่อน แต่บอกได้ว่ามีน้ำใจมาก” นายไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo