Politics

‘บิ๊กตู่’ สั่งเอาผิดคนบิดเบือน ‘วัคซีนโควิด’ ลั่นพูดแล้วต้องรับผิดชอบ!

โฆษกรัฐบาล แจง “นายกรัฐมนตรี” สั่งเอาผิดผู้บิดเบือน “วัคซีนโควิด” ลั่นพูดแล้วต้องรับผิดชอบ ไม่อยากให้สังคมเข้าใจผิด ขออย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ โฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมให้ฝ่ายกฎหมาย พิจารณาฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การนำเข้า “วัคซีน” ที่มีการเชื่อมโยง กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด โดยโยงเกี่ยวการเมืองและใช้คำว่า “วัคซีนพระราชทาน” รวมถึงสื่อหรือโซเชียลมีเดีย ตามที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะให้ดำเนินคดีทุกเรื่อง ทุกรายการ ว่า แนวทางของนายกรัฐมนตรี เป็นไปในลักษณะที่ว่า หากมีประเด็นที่ออกมา พูดต่อสาธารณชน คงต้องรับผิดชอบในประเด็นแต่ละประเด็นที่พูดถึง ซึ่งอาจทำให้กระทบกับความเข้าใจของประชาชน

โฆษกรัฐบาล
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ซึ่งทางฝ่ายกฎหมาย คงต้องพิจารณาว่า ในช่วงปัจจุบัน ในเรื่องข้อมูลข่าวสาร มีความสำคัญต่อการให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้อง หากเป็นการบิดเบือนข้อมูล หรือพูดแล้วทำให้เกิดความเข้าใจผิด คงจะต้องดำเนินการ เพื่อที่จะอย่างน้อยให้ทราบว่า การพูดทุกอย่างนั้น จะต้องมีความรับผิดชอบ และต้องดูแลในเรื่องเนื้อหาด้วย หากคนที่ทำงาน ทำหน้าที่โดยสุจริต แต่เมื่อมีผู้พูด พูดออกมาแล้ว ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเขา ทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชน คงต้องดูในแง่กฎหมายว่า ในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ทั้งนี้ จะได้เป็นการพยายามลดเรื่องความขัดแย้งลงด้วย และลดความเข้าใจผิดของประชาชน ทำให้เกิดความมั่นใจกับรัฐบาล เพราะเรื่องของการทำงาน หากประชาชนเข้าใจการทำงานของรัฐบาล ก็จะทำให้เดินหน้าไปรวดเร็วขึ้น แต่ถ้าจะทำหน้าที่แล้ว ยังต้องคอยชี้แจงในประเด็นที่ไม่ถูกต้อง หรือบิดเบือนต่าง ๆ ก็จะต้องทำให้ใช้เวลาพอสมควร เพื่อที่จะให้ประชาชน เกิดความมั่นใจ อย่างนี้ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการแจ้งความดำเนินคดี จะแจ้งในนามรัฐบาลเลยใช่หรือไม่ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ไม่แน่ใจ จึงไม่ทราบ ว่าตอนนี้ นายกรัฐมนตรีมีนโยบายอย่างไร เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้พูดชัดเจน ในเรื่องการที่จะให้ใครดำเนินการส่วนไหน เพียงแต่พูดในภาพรวม ว่าหากหลีกเลี่ยงได้ ก็ขอให้หลีกเลี่ยงดีกว่า ในการที่จะสร้างข้อมูล ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับสาธารณชน

“เพราะตอนนี้สื่อโซเชียลเองก็ดี เรื่องของการพูดออกมาแต่ละครั้ง เป็นการพูด ที่ข้อมูลอาจจะไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงจะต้องไปตรวจสอบว่า ข้อมูลที่ได้พูดออกมานั้น มีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  หรือหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นผู้ไปพิจารณา เพราะอาจจะไม่ใช่ในส่วนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว”

เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ผู้ใดเป็นฝ่ายกฎหมายที่ไปพิจารณา นายอนุชา กล่าวว่า ตนเองก็ไม่ทราบ ขอให้ไปถามทาง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดู

ส่วนประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ การจัดซื้อจัดหาวัคซีน ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ก็อยากจะเรียนว่า รัฐบาล ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยไม่นำเรื่องการเมือง มาเกี่ยวกับการตัดสินใจ แต่เกี่ยวกับผู้มีคุณวุฒิ สาธารณสุข และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ผ่านคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งได้มีการประเมินสถานการณ์ ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา

การที่รัฐบาลดำเนินการมาถึงปัจจุบัน ทั้งการจองซื้อวัคซีน จากบริษัทที่คิดว่า มีการวิจัย และพัฒนาถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากล และเชื่อถือได้ ปัจจุบัน “บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์” ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตวัคซีนจากบริษัท AstraZeneca จากประเทศอังกฤษที่มีการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford ทางรัฐบาลได้พิจารณาแล้วว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มีความเหมาะสมที่จะได้รับการถ่ายทอดเทคนิคและสามารถผลิตวัคซีนได้

เรื่องของความรวดเร็วที่จะนำวัคซีน มาฉีดให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย พร้อมกับความสามารถในการสร้างความมั่นใจว่า วัคซีนที่นำมาฉีดเป็นมีคุณภาพ และประสิทธิภาพ แพทย์สาธารณสุข และผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัคซีนก็ได้ให้ความเห็นไปแล้ว

“จึงอยากจะให้ประชาชนเข้าใจ และมั่นใจว่า รัฐบาลไม่มีทางที่จะนำเรื่องของการเมือง เข้ามาเสี่ยงกับสาธารณสุข หากนำเรื่องการเมืองเข้ามา ประเทศไทย คงไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศ ในการบริหารจัดการวัคซีน และการบริหารราชการสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ขอให้ทำความเข้าใจ กับทางด้านพี่น้องประชาชน ขอให้มีความมั่นใจกับสิ่งที่รัฐบาล กำลังดำเนินการในปัจจุบัน” นายอนุชา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo