Politics

โดนแล้ว! แจ้งจับ ‘ธนาธร’ เอาผิด ‘ม.112-พรบ.คอมฯ’

ตัวแทนนายกรัฐมนตรี และ “พุทธิพงษ์” ส่งทีมยื่นแจ้งความ เอาผิด “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” คดีอาญา มาตรา 112 และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

วันนี้ (20 ม.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้มอบหมายให้ นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีดีอีเอส  ร่วมกับ นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ชั้น 4 ศูนย์ราชการ อาคาร B

shutterstock 1662811366

การแจ้งความครั้งนี้ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ฐานความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย อยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”

และด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ปี 2560 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

การเคลื่อนไหวข้างต้นเกิดขึ้น หลังก่อนหน้านี้ นายธนาธร ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงปัญหาการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมประเทศไทยไม่ได้รับการจัดซื้อวัคซีน ที่มีการครอบคลุมจำนวนประชากรที่เหมาะสม และทำไมประเทศไทยถึงยังไม่มีการเริ่มฉีดวัคซีน

นายธนาธร กล่าวอีกว่า คำถามคือทำไมขณะที่หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่ทำไมไทยยังไม่มีการฉีดวัคซีน คำตอบคือรัฐบาลประมาท ไม่ได้เร่งจัดหาเจรจาเพื่อซื้อวัคซีนสำหรับคนไทยทุกคน ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ที่สำคัญคือ การเจรจาเพื่อจัดซื้อวัคซีนน้อยเกินไป และอยู่ในมือของเจ้าเดียวคือ บริษัทแอสตราเซเนกา รัฐบาลยังนิ่งนอนใจ ไม่มีการเจรจาใด ๆ เพิ่ม จนถึงต้นเดือน มกราคม 2564 ก่อนมีการประกาศเพิ่มว่า จะจัดซื้อกับบริษัทซิโนแวค จากประเทศจีน อีก 2 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรเพียง 1 ล้านคนเท่านั้น

นายธนาธร กล่าวต่อว่า เมื่อรู้สึกตัวก็สาย จะไปเจรจากับเจ้าอื่น กำลังการผลิตวัคซีนของบริษัทยาขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ ก็ถูกจับจองไปหมดแล้ว รัฐบาลเอาปัญหาเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด มาผนวกกับปัญหาความนิยมของรัฐบาล อยากจะใช้การฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด สร้างความนิยมให้กับตัวเองเกินไป จนละเลย ถึงการคิดหาทางออกที่เหมาะสม ที่ดีที่สุดให้กับประเทศ

การจัดโครงสร้างแบบนี้ ทำให้ต้องตั้งคำถามว่า รัฐบาลพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น กับการฝากอนาคตวัคซีน อนาคตของประเทศไทย ไว้กับบริษัทเดียวหรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo