Business

เคลียร์ชัด! ‘CEO ปตท.’ อยากให้คนไทยเป็นเจ้าของหุ้น OR – 2 ล้านคนมีสิทธิเข้าถึง!

ซื้อหุ้น OR ซีอีโอปตท. เคลียร์ชัด อยากให้คนไทย เป็นเจ้าของให้มากที่สุด กระจายผ่าน 3 แบงก์  ให้โอกาสทุกคน เริ่มต้นที่ 300 หุ้น เท่ากัน จนกว่าหุ้นจะหมด มั่นใจมีหุ้นพอสำหรับนักลงทุนรายย่อย 

การเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือOR กำลังกลายเป็นหุ้นร้อนแรง ที่ใครต่อใครต้องพูดถึงเวลานี้ ได้รับความสนใจจากนักลงุทนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่ อาจเป็นเพราะความโดดเด่น ของธุรกิจที่เป็นอยู่ แต่ผู้คนจำนวนมากเกิดความสงสัยว่าจะจองหุ้น OR ได้จริงหรือ จะอยู่แต่ในมือรายใหญ่หรือไม่ กับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ช่วงราคาเสนอขาย 16.00 -18.00 บาทต่อหุ้น

กำหนดราคาจองซื้อ 16-18 บาทต่อหุ้น โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียน 12,000 ล้านหุ้น ดังนั้นหากคิดตามราคาIPO มูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 192,000 ล้านบาท หากราคาอยู่ที่ 16 บาท และ มูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 216,000 ล้านบาท หากราคา IPO อยู่ที่ 18 บาท

ซื้อหุ้น OR

ให้โอกาสทุกคนเริ่มต้นที่เท่าๆ กัน ทุกคนที่จองซื้อหุ้นOR ก็จะได้ 300 หุ้นเป็นตัวตั้งต้นก่อนวิธีนี้ทุกคนเข้าถึงในปริมาณที่เท่าเทียมกัน หรือ Small Lot First

“ปตท.เรามีความตั้งใจ อยากให้คนไทย มีโอกาสมากที่สุด การดำเนินการเรากระจายให้ประชาชนผ่าน 3 แบงก์เท่านั้น คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย ให้โอกาสทุกคนเริ่มต้นที่เท่าๆ กัน ทุกคนที่จองซื้อหุ้นOR ก็จะได้ 300 หุ้น เป็นตัวตั้งต้นก่อน ส่วนจองมาเท่าไหร่ก็ได้ แต่การตั้งต้นเริ่มที่ 300 หุ้น เท่าๆกัน แล้วค่อยทยอยเพิ่มให้ทีละ100 หุ้นจนกว่าหุ้นจะหมด วิธีนี้ทุกคนมีโอกาสแล้วแน่นอน” อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซีอีโอปตท. คลายข้อสงสัย

ซื้อหุ้น OR ทุกคนเข้าถึงที่เท่าเทียมกัน

การขายหุ้นของ OR จะถูกกำหนดให้จัดสรรหุ้นไปที่ 2 กลุ่มหลัก คือ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย จะไม่มีกลุ่มบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่จะได้รับการจัดสรรหุ้น  กลุ่มนักลงทุนรายย่อย เราใช้วิธีกระจายให้มากที่สุด วิธีนี้ทุกคนเข้าถึงในปริมาณที่เท่าเทียมกัน หรือ Small Lot First  สามารถจองซื้อได้จะจัดสรรให้ผู้จองซื้อแต่ละรายในรอบแรก 300 หุ้น  ถ้าหุ้นเหลือได้เพิ่มรอบละ 100 หุ้นจนกว่าหุ้นจะหมด

ซื้อหุ้น OR

อรรถพล ระบุว่าการทำอย่างนี้เพราะต้องการ เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคน ที่อยากเล่นหุ้น และอยากจะถือOR เข้าถึงได้  คิดเคร่าๆ หุ้นที่OR จะเอามากระจายอยู่ที่ 595 ล้านหุ้น หรือเกือบ 600 ล้านหุ้น  นักลงทุนรายย่อยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้วมีไม่ถึง 1 ล้านราย ถ้า 600 ล้านหุ้นหารด้วย 300 หุ้น สามารถรองรับคนได้เกือบ 2 ล้านคน

หุ้น OR จองซื้อสิทธิ์ขั้นต้นเท่ากัน 300 หุ้น

ฉะนั้นวิธีการจองซื้อหุ้น OR สำหรับนักลงทุนรายย่อย กับจำนวนหุ้น 595 ล้านหุ้น บอกเลยคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องจอง 300 หุ้น อาจจะจองมากกว่าก็ได้ เช่น 400, 500, 1,000 หรือ10,000 หุ้น เป็นต้น วิธีการง่ายๆ คือเอาทั้งหมดมากองรวมกัน รอบแรกจัดสรรให้ 300 หุ้นเท่ากันหมดก่อน เท่ากับว่าใครที่จองมา 300 หุ้นพอดีก็จะได้ไป และจะถูกตัดออก รอบที่ 2 จะเพิ่มให้อีก 100 หุ้น ใครจองมา 400 หุ้นรับไป รอบที่ 3 เพิ่มอีก 100 หุ้น ใครจองมา 500 หุ้นก็รับไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆเพิ่มรอบละ 100 หุ้น จนกว่าหุ้นจะหมดหากจองมาที่จำนวน 10,000 หุ้น หากเต็มจำนวนก่อนที่ 1,000 หุ้นก็จะได้แค่นั้น

ซื้อหุ้น OR
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนไปยังนักลงทุนรายย่อยทั้งหลาย ไม่ต้องรีบไปตั้งแต่วันแรกของการเปิดจอง  เพราะได้เปิดจองตั้งแต้่วันที่ 24 ม.ค.2564  ถึงก่อนเที่ยงวันที่ 2 ก.พ. 2564 ฉะนั้นไปช่วงไหนก็ได้มีสิทธิ์เท่ากัน นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าไปจองซื้อหุ้น OR วันไหนก็ ทั้งนี้เพื่อลดความแออัด

ดันคาเฟ่ อเมซอนรุกต่างประเทศ

อรรถพล กล่าวด้วยว่าหลังจากนำ OR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว OR มีเงินลงทุนขยายธุรกิจได้มากขึ้น จะเดินหน้าขยายการลงทุนต่อไป เพื่อขยายการเติบโต ของธุรกิจ โดยOR ได้ปรับแผนการลงทุนภายใต้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไว้แล้ว แต่จะยังมุ่งเน้นขยายการลงทุนในส่วนของธุรกิจ 3 ส่วน 1.น้ำมัน 2. Non-Oil และ 3.ธุรกิจต่างประเทศ  แต่จะเน้นในส่วนของ Non-Oil และธุรกิจต่างประเทศ มากขึ้น

อย่างคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) ในประเทศไทยตั้งเป้าเติบโตปีละ 400 สาขา ส่วนต่างประเทศภายใน 5 ปี จะต้อง คาเฟ่ อเมซอน  ต้องเพิ่มเท่าตัว จากปััจุบันที่มีอยู่ 200-300 สาขา ต้องเพิ่มเป็น 600 สาขา ส่วนสถานีบริการน้ำมันจะเพิ่มขึ้นปีละ 100 แห่งในประเทศ ส่วนต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นกันภายใน 5 ปี

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2563 OR มีรายได้จากการขายและให้บริการ 319,308 ล้านบาท มี EBITDA 12,523 ล้านบาท มาจากธุรกิจน้ำมัน 68.7% ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ 25.1%  ธุรกิจในต่างประเทศ 5.8% และธุรกิจอื่นๆ 0.4% ทำให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,869 ล้านบาท

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight