Economics

หวั่นโควิด!! ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ร่วงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

ส.อ.ท. เปิดผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 85.8 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จี้รัฐเร่งควบคุมสถานการณ์ พร้อมออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 85.8 ปรับตัวลดลง จากระดับ 87.4 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยดัชนีได้ปรับตัวลดลงครั้งแรก ในรอบ 8 เดือน และปรับตัวลดลง ทุกองค์ประกอบ ทั้งคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการประกอบการ และผลการประกอบการ

โดยมีปัจจัยลบจากการระบาดระลอกใหม่ของ “โควิด-19” ที่มีความรุนแรงกว่ารอบแรก และขยายวงกว้างไปในหลายจังหวัด ส่งผลให้ภาครัฐ ออกคำสั่งปิดสถานที่บางแห่ง และกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ในจังหวัดที่มีการระบาดสูง รวมทั้งงดจัดกิจกรรมปีใหม่และขอความร่วมมือประชาชน ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด

อีกทั้ง ขอให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน และข้าราชการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด-19 จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศชะลอลง ทั้งการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และการเดินทางท่องเที่ยวลดลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้า ของผู้ประกอบการลดลงโดยเฉพาะ SME นอกจากนี้ การขนส่งสินค้าข้ามจังหวัดยังมีความล่าช้า เนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดของภาครัฐ

ส.อ.ท.

ด้านภาคการส่งออก ผู้ประกอบการ ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ส่งออกสินค้าได้น้อยลง และสูญเสียรายได้จากการส่งออก ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาท ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง กระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการส่งออก

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม มีวันทำงานน้อย เนื่องจากมีวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ภาคการผลิตลดลง จากเดือนก่อนหน้า รวมทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ เพื่อป้องกัน โควิด-19 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การก่อสร้างโครงการภาครัฐ และการลงทุนใน EEC ส่งผลดีต่อสินค้าวัสดุก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,404 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ในเดือนธันวาคม 2563 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการ มีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก 71.9%, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยน อ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ 513%, และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 421% ตามลำดับ

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 47.2% และราคาน้ำมัน 36.5% โดยดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 92.7 จากระดับ 94.1 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมีความกังวล ต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์ โควิด-19

ขณะที่เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัว ทำให้ผู้ประกอบการมีการปรับแผนการดำเนินกิจการ เพื่อรับมือสถานการณ์ระบาดของ โควิด-19 ระลอกใหม่มากขึ้น

ทั้งนี้ ส.อ.ท. ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมสถานการณ์ COVID- 19 โดยเร็วและเร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งผู้ประกอบการและประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

  • ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมการแพรระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด
  • เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า เกี่ยวกับความปลอดภัยในสินค้าอาหารของไทย
  • เร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โควิด -19 ทั้งผู้ประกอบการและประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ อาทิ มาตรการเสริมสภาพคล่อง จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราวตามการควบคุมจังหวัด หรืออาจให้พักชำระหนี้ชั่วคราว รวมทั้งให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพิ่มวงเงินค้ำประกัน SME เป็น 50% หรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ มาตรการช่วยเหลือประชาชน อาทิ เพิ่มวงเงินใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง เป็น 5,000 บาท

พร้อมขยายระยะเวลาโครงการ และสนับสนุนให้โครงการคนละครึ่งเฟส 3 พร้อมขยายฐานจำนวนผู้ได้รับสิทธิสนับสนุนให้มีโครงการช็อปดีมีคืน ในปี 2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในกลุ่มที่ต้องเสียภาษีโดยคืนภาษีจากเติมสูงสุด 30,000 เป็น 50,000 บาท เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2564 อีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo