ผลวิจัยใหม่ในฮ่องกงชี้ สารกรองยูวีที่นิยมใช้ในครีมกันแดด นอกจากจะสร้างมลพิษต่อน้ำแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนด้วย
คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงแบบติสท์ เปิดเผยผลวิจัยฉบับใหม่ ที่ระบุว่า พบสารเคมี 7 ชนิด ที่นิยมใช้กรองแสงอัลตราไวโอเลต(ยูวี)เป็นจำนวนมากในน้ำทะเลฮ่องกง รวมถึง ในปลา กุ้ง และหอยแมลงภู่ ในฟาร์ม
“เราไม่สามารถมองข้าม ผลกระทบจากการปนเปื้อนเหล่านี้ ที่จะถูกส่งผ่านห่วงโซ่อาหารมายังมนุษย์ และในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ของคน” ดร.เควิน เหลียง หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานวิจัยชิ้นนี้ กล่าว
ผลทดสอบที่ทำกับปลาม้าลาย ซึ่งมีโครงสร้างทางพันธุกรรมที่คล้ายคลึงกับคน แสดงให้เห็นว่า เมื่อน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีดังกล่าว เข้าสู่ระบบห่วงโซ่อาหาร จะเป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติต่างๆ และตัวอ่อนมีอัตราการตายสูงกว่าปกติ
มหาวิทยาลัยฮ่องกงแบบติสท์ บอกด้วยว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาที่บ่งชี้ถึงอันตรายจากสารเคมีที่อยู่ในครีมกันแดด ซึ่งคณะนักวิจัยจะทำการศึกษาต่อไป เพื่อเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากสารกรองยูวีที่มีต่อร่างกายคน
ผลการศึกษาดังกล่าว ยังตอกย้ำถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนานาประเทศ เกี่ยวกับผลกระทบจากครีมกันแดดที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐฮาวาย สหรัฐ เพิ่งลงนามในกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดด ซึ่งมีสารที่เป็นอันตรายต่อแนวปะการัง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป แต่คำสั่งห้ามนี้ก็ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจทำให้ผู้บริโภคเลิกใช้ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากการเป็นโรคมะเร็ง
ดร.เหลียง ยังเรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบควบคุมการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว พร้อมแนะนำผู้บริโภคให้เลือกใช้ครีมกันแดด ที่มีแร่ธาตุเป็นส่วนประกอบหลัก อย่าง ไทเทเนียมไดออกไซด์ และสังกะสีออกไซด์ หรือสวมใส่เสื้อผ้ากันแดด