COVID-19

ฉีด ‘วัคซีนโควิด-19’ ต้องปลอดภัย นายกฯ ยืนยันไม่ให้คนไทยเป็นหนูทดลอง

นายกฯ ยืนยัน “วัคซีนโควิด-19” ต้องปลอดภัย ไม่ให้คนไทยตกเป็นหนูทดลอง การบริหารวัคซีนในประเทศครบวงจร มีคณะกรรมการแห่งชาติกำกับ

วานนี้ (17 ม.ค. 64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha มีใจความหลักว่า ตนตัดสินใจไม่รับความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วยการมอบนโยบายว่า ประเทศไทยจะไม่รีบร้อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วนและจะไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง โดยต้องมั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ก่อน จึงนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยได้

นายกฯ ประยุทธ์ วัคซีนโควิด-19

นายกฯ ยืนยัน “วัคซีนโควิด-19” ต้องปลอดภัย

สำหรับข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ทั้งหมดเป็นดังนี้

“ช่วงนี้ มีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียง หรืออาการไม่พึงประสงค์ จากการฉีด วัคซีนโควิด-19 บางตัวเกิดขึ้นในบางประเทศ ซึ่งเราคงต้องรอฟังผลสรุปการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ หรืออาจเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น โรคประจำตัวบางอย่าง สภาพร่างกาย หรืออายุ รวมทั้งอัตราผลข้างเคียงนั้นอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่

นอกจากนั้น บางประเทศที่ต้องการเริ่มฉีดวัคซีนเร็ว มีการตัดสินใจใช้วัคซีน ที่อาจจะยังทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่ครบถ้วน

สำหรับคนไทย ผมตัดสินใจไม่รับความเสี่ยงแบบนั้น ผมไม่ยอมให้รีบร้อนฉีดวัคซีนที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ผมจึงมีนโยบายสำคัญ คือ ต้องมั่นใจก่อนว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย จึงจะนำมาใช้กับคนไทยได้

ทั้งนี้ การตัดสินใจของผม และการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของประเทศ “แบบครบวงจร” จะมีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติคอยให้คำปรึกษาและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

ความสำเร็จในการยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา และในครั้งนี้ที่กำลังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น เกิดจากความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ทันที ด้วยตัวเอง คือการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมืออยู่เสมอ เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน นอกจากนี้ หากต้องการให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ ก็ต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” ทุกครั้ง และใช้แอปฯ “หมอชนะ” ทุกคน ก็จะดีมากครับ

ผมขอให้เราทุกคนร่วมมือกันต่อไปครับ

ขอบคุณครับ #รวมไทยสร้างชาติ”

วัคซีนโควิด-19 นอร์เวย์

สธ. ชี้ไทยซื้อวัคซีนคนละตัวกับ “นอร์เวย์”

ความวิตกเรื่องการฉีด วัคซีนโควิด-19 เกิดขึ้นหลังจากสถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป เนื่องจากพบว่า มีผู้เสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้น หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 23 คน

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 64) กระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงกล่าวถึงข่าวผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศนอร์เวย์เสียชีวิต 23 รายว่า รัฐบาลนอเวย์ได้จัดให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนกว่า 300 คน ซึ่งวัคซีนดังกล่าวเป็นของบริษัทไฟเซอร์ และบริษัทโมเดอนา ซึ่งวัคซีนของทั้ง 2 บริษัท ใช้เทคโนโลยีเดียวกันในการผลิตวัคซีน

ผู้ที่เสียชีวิต 23 ราย หลังได้รับวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ จำนวน 1 เข็มนั้น ทางประเทศนอร์เวย์ได้ให้ข้อมูลว่า เนื่องมาจากเป็นการฉีดให้กับกลุ่มผู้เปราะบางที่มีอายุสูงกว่า 80 ปี และมีโรคประจำตัวหลายโรค

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสาเหตุและยังไม่มีการสรุปว่าทั้ง 23 รายที่เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับวัคซีนอย่างไร แต่เราได้รับข้อมูลมาว่า จากการชันสูตรผู้เสียชีวิตจำนวน 13 รายแล้วนั้น พบว่ามีอายุสูงกว่า 80 ปี และเป็นกลุ่มของผู้ที่อยู่บ้านพักผู้สูงอายุ (nursing home) ซึ่งมีโรคประจำตัวหลายโรค

ทางด้านรัฐบาลประเทศไทยได้เลือกใช้วัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา และบริษัทประเทศจีน ซึ่งเป็นการผลิตจากเชื้อตาย ดังนั้น ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าเป็นวัคซีนคนละตัวของประเทศนอเร์วย์

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ปรากฏข่าวก็จะเป็นประโยชน์ในการที่จะให้เราได้รับมือในการฉีด วัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน โดยขั้นตอนทั่วไปจะมีการประเมินอาการหลังได้รับการฉีดวัคซีน 30 นาที และติดตามผลผลไม่พึงประสงค์ต่ออีก 30 วัน

ด้านรายงานข่าวจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยแพร่ข้อมูลเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ว่า ขณะนี้มี วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการพัฒนาทั่วโลกทั้งหมด 236 ตัว โดยอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก 63 ตัว ในเยอรมนี จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo