หมอนิธิพัฒน์ เผยอาการ ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ภาวะปอดอักเสบติดเชื้อดีขึ้นมาก ชี้ภาวะโควิดประเทศ อัตราลดลง หวังตรุษจีน มาตรการผ่อนคลายขึ้น แต่ห่วง PM2.5 แรงขึ้น
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ หมอนิธิพัฒน์ โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “นิธิพัฒน์ เจียรกุล” ถึงอาการ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ภาวะปอดอักเสบติดเชื้อดีขึ้นมากแล้ว พร้อมชี้แนวโน้มการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มลดลง แต่ห่วงปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่กำลังรุนแรง โดยระบุว่า
“วันนี้ได้เข้าไปเยี่ยมท่าน ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ถึงในห้องพักเป็นครั้งที่สาม ขณะนี้ภาวะปอดอักเสบติดเชื้อ ดีขึ้นมากแล้ว การทำงานของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ เป็นไปด้วยดี เหลือแต่ระบบการหายใจ ที่ยังต้องค่อย ๆ คลี่คลายไป ตามความเหมาะสม
ในระหว่างที่บอกเล่าเรื่องราวมากมาย ให้รับฟังฝ่ายเดียว เจ้าตัวคงเบื่อหรือเปล่าไม่ทราบได้ จึงส่งสัญญาณขอใช้การเขียน เพื่อสื่อสาร แทนการพยักหน้า หรือส่ายหน้าแต่อย่างเดียว
เมื่อนำกระดาษและปากกามาให้ ความพยายามเขียนให้ผู้อื่นอ่านได้ง่าย เป็นไปโดยลำบาก เพราะยังมีสายระโยงระยางที่เป็นส่วนหนึ่ง ของการดูแลรักษาทางการแพทย์ จึงต้องใช้การเดาข้อความ และอ่านออกเสียงจนเจ้าตัวพอใจ ก่อนจากมา ได้ย้ำอีกครั้งให้พักผ่อนให้มาก สำหรับฟื้นฟูกำลังกาย เพื่อที่จะได้กลับมาหายใจด้วยตัวเองให้ได้เองทั้งหมดในเร็ววัน
หากพิจารณาจากกราฟในรูป ที่จัดทำโดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นรายวัน ในช่วง 30 วันเปรียบเทียบระหว่างการระบาดระลอกแรก และครั้งนี้ จะเห็นว่าเส้นกราฟแยกกันเห็นได้ชัด ราววันที่ 10 ของการระบาด
ทั้งนี้เป็นเพราะมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ในบางพื้นที่ เช่น สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และที่แม่สอด ตอนนี้อัตราการเพิ่มขึ้นเริ่มช้าลงในทุกที่ ยกเว้นในส่วนของ แม่สอด ที่ยังต้องรอลุ้นกลุ่มคนไทย ตกค้างในต่างแดน
ถ้าสามารถควบคุมกันได้ดีแบบนี้ต่อไป จนถึงสิ้นเดือน เทศกาลตรุษจีน ที่กำลังจะมาถึง คงลดความตึงเครียดกันได้มาก เพราะมาตรการเข้มข้นต่าง ๆ น่าจะลดหย่อนไปได้มาก เมื่อถึงเวลานั้น
แต่นั่นหมายถึงว่า ทุกภาคส่วน ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล ไม่ให้คนส่วนน้อย ที่มักง่าย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มาทำลายสันติสุขของคนหมู่มากเช่นในหลาย ๆ ครั้งที่แล้วมา
ในด้านการสูญเสียชีวิตของผู้ป่วย ดูจะเป็นสัดส่วนน้อยกว่าระลอกแรก น่าจะเป็นจากการที่ตรวจพบ และให้การรักษาที่รวดเร็วกว่าแต่ก่อน รวมถึงมีการจัดเตรียมทรัพยากรสุขภาพไว้เพียงพอ ยกเว้นในบางพื้นที่ ที่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ ทางออกจึงเป็นการหนุนช่วยจากนอกพื้นที่ และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยปริมาณมาก
ความวัว (โควิด) ยังไม่ทันหาย ความควาย (PM2.5) ก็เข้ามาแทรก หลายพื้นที่ในกรุงเทพ และปริมณฑล มีปริมาณฝุ่นขึ้นสูง ทั้งที่ช่วงนี้ มีการใช้รถใช้ถนนลดลง
นอกจากปัจจัยเรื่อง สภาวะอุณหภูมิผกผัน ในช่วงหน้าหนาว ที่ทำให้ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายออกไปได้ยากแล้ว ทิศทางลมได้นำพาฝุ่นที่เกิดจากการเผาพื้นที่การเกษตรรอบนอก เข้ามาเสริมด้วย
ส่วนการที่ปริมาณฝุ่นขึ้นสูง ในช่วงกลางคืนถึงเช้า เป็นเพราะก๊าซจากกิจกรรมหลายอย่างของมนุษย์ ในตอนกลางวัน ได้ลอยตัวขึ้นไปทำปฏิกิริยาเป็นฝุ่นทุติยภูมิ ในชั้นบรรยากาศ แล้วจึงตกลงสู่พื้นอีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงนี้ กลุ่มคนเปราะบางต่อฝุ่น จึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนอานิสงส์การใส่หน้ากาก นอกจากจะกันโควิดได้แล้ว ยังช่วยลดความรุนแรง จากอันตรายของฝุ่นไปในตัวด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม