ภาพนักท่องเที่ยวยื่นเต็มหน้าหาด บนเกาะสิมิลัน ที่ถูกแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อช่วงต้นปี 2561 กลายเป็นหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องออกมาตรการ จำกัดนักท่องเที่ยวที่จะไปเยือนเกาะสิมิลัน โดยห้ามนักท่องเที่ยวพักค้างแรมบนเกาะ พร้อมจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 3,850 คนต่อวัน และห้ามเรือบรรทุกเกิน 100 คน แล่นเข้าเขตอุทยานแห่งชาติสิมิลัน
จากเดิมอุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด สามารถพักค้างแรมในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้ที่เกาะเมียงหรือเกาะสี่ ซึ่งมีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวรองรับ
แต่ล่าสุดกรมอุทยานฯ ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 ประกาศปิดการพักค้างแรมในเขตอุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน ยกเว้นผู้ได้รับอนุญาตสำหรับการทำกิจกรรมประเภทดำน้ำลึก โดยกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เป็นแบบไป-กลับ
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแบบพักค้างแรมในเขตออุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน ก่อให้เกิดน้ำเสีย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อปะการัง สัตว์น้ำ และ ระบบนิเวศ ในเขตอุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน
อีกหนึ่งเรื่องหลักในการจัดระเบียบหมู่เกาะสิมิลัน คือ การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งทางกรมอุทยานฯได้ออกประกาศ กำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันไว้ไม่เกิน 3,850 คนต่อวัน
โดยแบ่งเป็น เส้นทางจากเกาะสี่ไปเกาะแปดไม่เกิน 1,625 คน/วัน เส้นทางจากเกาะแปดไปเกาะสี่ไม่เกิน 1,700 คน/วัน และนักท่องเที่ยวที่จะมาทำกิจกรรมดำน้ำลึกตามจุดต่างๆ 21 จุด กำหนดไม่เกิน 525 คน/วัน
ประกาศคุมค่าบริการเรือนักท่องเที่ยว
พร้อมกันนี้ กรมอุทยานฯยังได้ออกประกาศ วันที่ 9 ตุลาคม 2561 กำหนดอัตราค่าบริการเรือที่ใช้แล่นบริการนักท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 สาระสำคัญ ดังนี้
- เรือขนาดบรรทุกไม่เกิน 25 คน ราคา 500 บาท/ลำ/วัน
- เรือขนาดบรรทุกโดยสาร ตั้งแต่ 26-50 คน ราคา 1,000 บาท/ลำ/วัน
- เรือขนาดบรรทุกโดยสาร ตั้งแต่ 51-100 คน ราคา 2,000 บาท/ลำ/วัน
ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้เรือที่มีขนาดบรรทุกเกิน 100 คน เข้าไปในเขตอุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน
หลังจากประกาศดังกล่าวออกมา ก็มีการคัดค้านจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว เรียกร้องให้รัฐทบทวนมาตรการจำกัดนักท่องเที่ยวดังกล่าว พร้อมหยุดให้บริการเป็นการประท้วงต่อมาตรการนี้ แต่ดูเหมือนภาครัฐจะไม่ให้ความสำคัญต่อการเรียกร้องมากนัก
กรมอุทยานฯยืนยันไม่ทบทวนประกาศ
วานนี้ (16 ต.ค.) นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวเกาะสิมิลัน ออกมาเรียกร้องให้ทบทวนมาตรการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติสิมิลัน จ.พังงา ว่า ทางกรมอุทยานฯ ยืนยันจะไม่ทบทวนใดๆ เพราะมาตรการที่ทำอยู่นั้น เตรียมการและประกาศให้ผู้ประกอบการทราบเป็นระยะมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว
“เรื่องจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าอุทยานแห่งชาติสิมิลันนั้น ไม่ใช่อยู่ๆ นึกจะทำก็ทำ แต่ได้มีการศึกษาเรื่องผลกระทบโดยทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาแล้ว ก็นำมาประชุมกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบร่วมกันไม่ต่ำกว่า 3 รอบ ซึ่งในปีนี้ผู้ประกอบการทุกฝ่ายก็เห็นด้วย ไม่มีใครคัดค้าน ส่วนเรื่องปริมาณเรือ และนักท่องเที่ยวนั้น ท้องถิ่นเป็นผู้จัดโควต้ากันเอง” นายทรงธรรม กล่าว
ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ยังกล่าวด้วยว่าทะเลอันดามันไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวเฉพาะเกาะสิมิลันที่เดียว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเกาะแก่งต่างๆ อีกมากมาย เช่น หมู่เกาะสุรินทร์ ธารโบกขรณี ส่วนอ่าวมาหยา ซึ่งเวลานี้ปิดพื้นที่ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม แต่ก็เปิดให้เรือเข้าไปถ่ายรูปได้ใกล้ๆ ในรัศมี 250 เมตร
นอกจากนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่เรียกว่าเป็น อ่าวมาหยา 2 อยู่ทั้งหมด 3 แห่ง มีลักษณะใกล้เคียงอ่าวมาหยา มีความสวยงามไม่แพ้กัน แห่งแรกคือ บริเวณอ่าวปิเละ ซึ่งเข้าออกได้ทางเดียว ภายในมีน้ำทะเลใส มีแหล่งปะการังอุดมสมบูรณ์ แห่งที่สอง บริเวณอ่าวโละมุดี สวยงามไม่แพ้อ่าวมาหยา สองแห่งนี้อยู่ใกล้เกาะพีพี
และแห่งที่สาม คือ เกาะห้อง ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ห่างจากที่ทำการอุทยานหาดนพรัตน์ธาราเพียง 20 นาทีโดยทางเรือ ชายหาดเกาะห้องสวยงามเทียบเท่าอ่าวมาหยา กรมอุทยานฯจะเร่งประชาสัมพันธ์และกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหมาะสม ในพื้นที่ท่องเที่ยวทั้ง 3 แห่งนี้
บริษัทนอมินีทัวร์จีนกระทบหนัก
ด้านแหล่งข่าวจากผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว เกาะสิมิลัน กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวเกาะสิมิลัน ในพื้นที่ทุกคนเห็นด้วยกับมาตรการจำกัดนักท่องเที่ยวเกาะสิมิลัน แต่กลุ่มที่มีปัญหา คือ บริษัทเรือจากประเทศจีน ที่มีนอมินีคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่ขายทริปท่องเที่ยวราคาถูกให้นักท่องเที่ยวจีนไว้ล่วงหน้า จึงไม่ยอมรับรู้ข้อตกลงร่วมกัน
ปัจจุบันมีบริษัท่องเที่ยวจีนมาจ้างคนไทยเป็นนอมินีมากกว่า 22 บริษัท รับนักท่องเที่ยวจีนมาโดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเกาะสิมิลัน 80% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด รายได้ส่วนนี้จะถูกโอนออกนอกประเทศทั้งหมด มีคนไทยได้รับประโยชน์เป็นส่วนน้อย
เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน แต่ภาครัฐไม่เคยตรวจสอบ และจัดการขั้นเด็ดขาด
ผู้ประกอบการโวยเตรียมตัวไม่ทัน
ด้านกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะ ที่วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวมีมติหยุดให้บริการนักท่องเที่ยวที่หมู่เกาะสิมิลัน ตั้งแต่วันที่ 15-16 ตุลาคม หลังได้รับผลกระทบจากการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวของกรมอุทยานฯ ทำให้รถตู้ที่มีมากกว่า 150 คันรายได้ไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยว ซึ่งกล่าวว่าการประกาศของกรมอุทยานฯ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และมาวันที่ 15 ตุลาคมก็เปิดเกาะสิมิลัน ใช้เวลา 3 – 4 วัน ทำให้เตรียมตัวไม่ทัน อีกทั้งกฎเกณฑ์ที่อนุญาตให้เข้าไปเที่ยวได้ไม่เกิน 70 คน ทำให้มีเรือเพียง 1 – 2 ลำเท่านั้นที่วิ่งนำเที่ยว จึงส่งผลกระทบต่อพนักงานเป็นวงกว้าง
ท้งนี้ สถานการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อ.คุระบุรี จ.พังงา ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมความงามบนหมู่เกาะอีกครั้ง หลังจากปิดพักฟื้นในช่วงฤดูฝนของทุกปี พบว่าบรรยากาศของนักท่องเที่ยวบริเวณท่าเทียบเรือบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และ ท่าเทียบเรือทับละมุ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งเป็นจุดรับส่งที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน มากที่สุด มีปริมาณนักท่องเที่ยวบางตา เมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา และพบว่ามีเพียงนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์เท่านั้น
17 ต.ค.เริ่มคลี่คลายซื้อตั๋วเข้าเที่ยวคึกคัก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดวันนี้ (17 ต.ค.) ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน ได้เข้าซื้อตั๋วเพื่อนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะสิมิลันวันแรก หลังจากปิดให้บริการไปสองวัน คือ 15-16 ตุลาคม โดยผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวต่างพานักท่องเที่ยวเข้าคิวซื้อตั๋วตามระเบียบที่กรมอุทยานฯประกาศ คือจำหน่ายตั๋วควบคู่สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยว พร้อมลงรายละเอียดแต่ละบริษัททัวร์ ให้จ่ายค่าธรรมเนียม พร้อมระบุชื่อ นามสกุลของนักท่องเที่ยวที่ลงเรือแต่ละลำ
