บอร์ดท่องเที่ยว ไฟเขียว เก็บเงินนักท่องเที่ยวคนละ 300 บาท เข้ากองทุน จัดหาประกันภัยคุ้มครองทุกราย เผยความคืบหน้าโครงการรับต่างชาติกลุ่ม STV
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (14 ม.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานการประชุม คณะกรรมนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 หรือ บอร์ดท่องเที่ยว โดยมีการพิจารณาอนุมัตินโยบาย ด้านการท่องเที่ยว
ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ความคืบหน้าของมาตรการการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ และแรงงานได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยพิจารณาแนวทาง การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ขณะที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ผ่านกลไกต่าง ๆ โดยเฉพาะการมีประกันภัย ให้กับนักท่องเที่ยว โดยจะพัฒนาด้านต่าง ๆ รวมถึงการจัดหาประกันภัยนั้น จะมาจาก กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีแหล่งเงิน จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว
ที่ประชุมเห็นชอบ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาทต่อคน ต่อการเข้ามาประเทศไทยในแต่ละครั้ง เพื่อสมทบเข้า กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้จ่ายในการบริหาร และพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงจัดให้มีการประกันภัย แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยจะจัดเก็บรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจะได้จัดทำรายละเอียดต่อไป
ขั้นตอนหลังจากนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ดำเนินการจัดทำประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดเก็บในรายละเอียด แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติปรับปรุง มาตรฐานการท่องเที่ยว ตามที่คณะอนุกรรมการจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยว ภายใต้คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ เพื่อให้มาตรฐานการท่องเที่ยวของไทย ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงปรับปรุงระยะเวลา การรับรองมาตรฐาน ให้เหมาะสม เนื่องจากบางมาตรฐานให้ระยะเวลาสั้นเกินไป
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีมาตรฐานการท่องเที่ยวทั้งหมด 56 มาตรฐาน สำหรับที่จะมีการปรับปรุงมีทั้งหมด 5 มาตรฐาน ประกอบด้วย
- มาตรฐานด้านที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม
- มาตรฐานที่พักแบบพำนักระยะยาว
- มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการเที่ยว
- มาตรฐานบริการอาหารเพื่อการท่องเที่ยว
- มาตรฐานสถานที่จำหน่ายของที่ระลึกเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทสินค้าอัญมณี
สำหรับการปรับปรุงด้านระยะเวลาการรับรองนั้น จากทั้งหมด 56 มาตรฐาน จะมีการปรับปรุงระยะเวลารับรองมาตรฐานให้เหลือ 2 กลุ่มคือ กลุ่มรับรองให้ 3 ปี และ 1 ปี จากเดิมที่มี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่รับปรุงให้ 1, 2 และ 3 ปี ซึ่งภายหลังปรับปรุง จะทำให้กลุ่มที่ได้รับการรับรอง 3 ปี มีทั้งหมด 54 มาตรฐาน และได้รับการรับรอง 1 ปีมี 2 มาตรฐาน
พร้อมกันนี้ ได้เห็นชอบ แผนการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2565 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปรับตัวเข้ากับการท่องเที่ยววิถีใหม่
ในส่วนของวาระเพื่อทราบอื่น ๆ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึง สถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยในปี 2563 (ม.ค.-ธ.ค.) ว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับสถานการณ์ทั่วโลก ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19โดยนักท่องเที่ยวทั่วโลก (ม.ค. – ต.ค.63) ลดลง 900 ล้านคน หรือลดลง 72% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามายังประเทศไทยอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลง 33.21 ล้านคน หรือ ลดลง 83.22% ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยที่เที่ยวในประเทศ ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 90.32 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 82.42 ล้านคน-ครั้ง หรือลดลง 47.71%
การลดลงดังกล่าว ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการ และลูกจ้างในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีผลบังคับแล้วหลายมาตรการ ทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยว มาตรการด้านภาษี เช่น การลดภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ ส่งเสริมเสถียรภาพการจ้างงาน
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดภาระทางการเงิน เช่น การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม การให้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน การขยายเวลาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟแก่ผู้ประกอบการโดยไม่คิดดอกเบี้ย ตลอดจนมาตรการด้านการเงิน ที่ครอบคลุมทั้ง ผู้ประกอบการและลูกจ้าง และขณะนี้มาตรการเพิ่มเติมต่าง ๆ ก็ได้ทยอยเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้า โครงการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) ซึ่งโครงการได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งตามโครงการมีขั้นตอนการยื่นเอกสาร การตรวจคัดกรอง การกักตัวที่เข้มงวดก่อนอนุญาตให้ท่องเที่ยวในประเทศไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 11 มกราคม 2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภท STV เข้ามายังประเทศไทยผ่านการดำเนินการของบริษัท ลองสเตย์ จำกัด แล้ว 1,114 คน เฉพาะเดือน มกราคม 2564 มีนักท่องเที่ยวแจ้งความประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทย 123 คน
ปัจจุบันมีทั้งโรงแรมและโรงพยาบาลใน 10 จังหวัด ที่สามารถเป็น ASQ และ ALQ ตามโครงการได้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับภาครัฐและเอกชนจัดแพลตฟอร์ม ASQ Paradise ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจอง ASQ การช้อปปิ้งออนไลน์ การให้ข้อมูลก่อนเดินทางและกิจกรรมระหว่างกักตัวของผู้ร่วมโครงการ ซึ่งระบบที่พัฒนาขึ้นจะรองรับนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยได้มากขึ้นและปลอดภัย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ย้ำ!! ครม.ไฟเขียวคลายล็อคนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติ แต่ต้องเข้มกักตัว!
- เยียวยาท่องเที่ยว เล็งขอ CO-PAY รัฐช่วยจ่าย ชงแผนเก็บเงินนักท่องเที่ยว ตั้งกองทุน
- ผ่านงบเฉียด 6 พันล้าน จัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หนุนทีมสู้โควิด