COVID-19

‘อินโดนีเซีย’ ฉีดวัคซีน ‘ซิโนวัค’ แล้ว ‘โจโกวี’ ประเดิมคนแรก

ประธานาธิบดี โจโก “โจโกวี” วิโดโด ผู้นำ อินโดนีเซีย เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด “โคโรนาวัค” เปิดฉากโครงการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ครั้งใหญ่ อย่างเป็นทางการ 

โจโกวี รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงจาการ์ตา ในเหตุการณ์ที่มีการถ่ายทอดสดออกไปทั่วประเทศ ซึ่งผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นี้ รวมถึง รัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในวันนี้เช่นกัน

อินโดนีเซีย

“การฉีดวัคซีนโควิด-19 นี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเรา ที่จะทำลายห่วงโซ่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส สร้างความปลอดภัย มีสุขภาพดี และปกป้องชาวอินโดนีเซียทุกคน” ผู้นำอินโดนีเซียกล่าว และว่า การฉีดวัคซีนนี้ ยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย

เขายังย้ำเตือนชาว อินโดนีเซีย ให้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังด้านสุขอนามัยต่อไปอย่างเคร่งครัด แม้รัฐบาลจะเริ่มต้นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ในประเทศแล้วก็ตาม

โจโกวี ถือเป็นหนึ่งในชาวอินโดนีเซียกลุ่มแรกจำนวน 181.5 ล้านคน ที่รัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนให้ ภายในเดือนมีนาคม 2565 และยังเป็นการฉีดวัคซีน หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ม.ค.) อินโดนีเซียเพิ่งอนุมัติให้ใช้วัคซีนของซิโนวัคได้ ถือเป็นการอนุมัติวัคซีนตัวนี้ เป็นครั้งแรกนอกประเทศจีน

ข้อมูลเบื้องต้น จากการทดสอบวัคซีนของซิโนวัค ในขั้นคลินิค ที่อินโดนีเซีย แสดงให้เห็นว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในอัตรา 65.3% ซึ่งจะต้องฉีดด้วยกัน 2 ครั้ง ถึงจะมีประสิทธิภาพ

การฉีดวัคซีนของโจโกวี ยังถือเป็นการเปิดฉากโครงการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ในอินโดนีเซีย อย่างเป็นทางการ โดยอินโดนีเซียตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ราว 1.48 ล้านคนเป็นกลุ่มแรก

โดยประเมินว่า ภายในเดือนมกราคมนี้ อินโดนีเซียจะสามารถฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายนี้ ได้มากกว่า 560,000 คน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 900,000 คน จะสามารถฉีดได้หมดในเดือนกุมภาพันธ์

อินโดนีเซีย

บราซิลพบ ‘วัคซีนจีน’ ต้านโควิดได้แค่ 50.38%

ก่อนหน้านี้ นักวิจัยพบว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาโดย “ซิโนวัค ไบโอเทค” และทำการทดสอบในบราซิล มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเพียง 50.38% เท่านั้น ซึ่งแทบจะไม่มากพอ ที่จะผ่านการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบได้ และยังอยู่ในระดับต่ำกว่าผลการทดลองที่ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ผลการทดสอบล่าสุดที่ออกมานี้ สร้างความผิดหวังอย่างมากให้กับบราซิล เนื่องจากวัคซีนสัญชาติจีนชนิดนี้ เป็น 1 ใน 2 วัคซีนที่รัฐบาลกลาง มีแผนที่จะเริ่มฉีดให้กับประชาชน ในช่วงเวลาที่บราซิลกำลังเผชิญกับการระบาดรอบ 2 ของเชื้อไวรัสโควิด-19

ก่อนหน้านี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ ต่างออกมาวิจารณ์สถาบันบูตันตัน ศูนย์ชีวการแพทย์ชั้นนำของบราซิล จากการที่เปิดเผยข้อมูลของวัคซีนออกมาเพียงบางส่วน ทำให้เกิดความคาดหวังที่เกินจริงขึ้นมา

ความสับสนที่เกิดขึ้น ยังทำให้เกิดความกังขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนจีนขึ้นมาในบราซิล แม้กระทั่งประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ยังออกมาตั้งคำถามถึงต้นกำเนิดของวัคซีนนี้

“เรามีวัคซีนที่ดี แต่ไม่ใช่วัคซีนที่ดีที่สุดในโลก และไม่ใช่วัคซีนในอุดมคติ” นาตาเลีย ปาสเตอร์แนค นักจุลชีววิทยา ออกมาตอบโต้ต่อท่าทีของสถาบันบูตันตัน ที่ยกย่องวัคซีนชนิดนี้ อย่างมาก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มนักวิจัยบราซิลพากันฉลองกับผลการทดลองที่แสดงให้เห็นว่า วัคซีนของซิโนวัค มีประสิทธิภาพ ในการต่อต้านเชื้อไวรัสราว 78% สำหรับคนไข้ที่มีอาการไม่รุนแรง ถึงรุนแรง อัตราที่ในเวลาต่อมาพวกเขาอธิบายว่า เป็นประสิทธิภาพทางคลินิค

แต่ในช่วงนั้น นักวิจัยเหล่านี้ ไม่ได้กล่าวถึงกรณีของกลุ่มติดเชื้อที่มีอาการน้อยมาก ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีน แต่ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา และเมื่อนำข้อมูลในกลุ่มนี้มารวมไว้ด้วยแล้ว ทำให้ระดับการมีประสิทธิภาพของวัคซีน ลดลงเหลือเพียง 50.38% เท่านั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo