คลัสเตอร์ใหม่แพร่โควิด สธ.ชี้ กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ยังไม่ตรวจหรือรอผลตรวจ ยังเดินทาง ไม่แยกตัว แพร่เชื้อสู่ครอบครัว คนในที่ทำงาน กทม.เร่งไล่ตรวจตลาด โรงงาน
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสอบสวนโรคในช่วงที่ผ่านมา พบว่าอาจมี แหล่งคลัสเตอร์ใหม่แพร่โควิด ไปยังพื้นที่ที่พบผู้ป่วยน้อย โดยเฉพาะในสถานประกอบการ จากพนักงาน กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ที่ยังเดินทางและไปชุมชนต่าง ๆ ระหว่างรอผลตรวจ จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็น Super spreader
ดังนั้น ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ รวมถึงองค์กรต่าง ๆ ต้องเน้นมาตรการป้องกันโรค สังเกตอาการ และสุ่มคัดกรองพนักงานอย่างเข้มงวด หากเจอการติดเชื้อ ต้องกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดต่อ เนื่องจากเริ่มพบการแพร่ระบาดจากกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ไปยังคนในครอบครัว เพื่อนในที่ทำงาน
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563-13 ธันวาคม 2564 วันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 157 ราย โดยแบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 90 ราย พบจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 42 ราย และมาจากต่างประเทศ 25 ราย
ขณะที่ยอดผู้ป่วยระลอกใหม่ สะสมรวม 6,754 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,317 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 3,041 มาจากต่างประเทศ 396 และหายป่วยแล้ว 3,003 ราย ในจำนวนผู้ป่วยแบ่งเป็น ผู้ป่วยไทย 47% เมียนมา 40% กัมพูชา 2% และอื่น ๆ 10%
อย่างไรก็ตาม วันนี้ พบผู้ป่วยในจังหวัดใหม่เพิ่มขึ้น 1 จังหวัดคือ พิษณุโลก ส่งผลให้ เหลือจังหวัดพื้นที่สีขาว ที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ 17 จังหวัด ส่วนพื้นที่สีเขียว หรือจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา 20 จังหวัด, พื้นที่สีเหลือง ที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสม 1-10 ราย 16 จังหวัด, พื้นที่สีส้ม มีผู้ป่วยสะสม 11-50 ราย 12 จังหวัด และพื้นที่สีแดง ที่มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 50 ราย อยู่ที่ 10 จังหวัด
“วันนี้ ยังเป็นวันครบ 1 ปี จากการพบการติดเชื้อผุ้ป่วยโควิดรายแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นหญิงจากอู่ฮั่น”นพ.จักรรัฐ
ด้าน นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า คลัสเตอร์สำคัญใน กทม. เชื่อมโยงกับบ่อนพนัน สถานบันเทิง และเริ่มพบการแพร่เชื้อในหน่วยงาน องค์กร ดังนั้น องค์กรทุกแห่ง ต้องมีมาตรการเฝ้าระวัง เพื่อเป็นหูเป็นตา ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุม และยุติการระบาดได้เร็วที่สุด
สำหรับผู้ป่วยโควิด กทม. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 – 12 มกราคม 2564 ยอดสะสมรวม 512 ราย โดยเริ่มจากการติดเชื้อจากสมุทรสาคร และเชื่อมโยงสถานบันเทิง ปิ่นเกล้า ตามด้วยสถานบันเทิงในย่านธนบุรี และบางนา
ที่น่าจับตาคือ กลุ่มการระบาดในครอบครัว สถานประกอบการ องค์กร ที่เริ่มพบต่อเนื่องในระยะหลัง จึงเน้นย้ำให้สถานประกอบการเฝ้าระวังสถานการณ์ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง
อีกคลัสเตอร์ คือ การระบาดเชื่อมโยงในหลายพื้นที่ เชน สถานบันเทิงเชียงใหม่ เชื่อมโยงสถานบันเทิงกรุงเทพ และบ่อนที่พัทยา โดยจากบ่อนพัทยา เที่ยวสถานบันเทิง และมีการรับเชื้อแพร่ต่อเชียงใหม่ รวมถึงการระบาดในสถานบันเทิงจากลูกค้า ที่แพร่เชื้อต่อให้พนักงาน ลูกค้ารายอื่น ทำให้เกิดการแพร่ระบาดต่อไปยัง บุคคลในครอบครัว
สิ่งสำคัญที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้เร็ว คือ กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต้องกักตัวเอง 14 วัน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อต่อ โดยขณะที่ ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. ทั้ง 69 แห่ง มีการเฝ้าระวังเข้มข้น และจะติดตามกลุ่มที่อยู่ในเกณฑ์สอบสวนโรคประมาณกว่า 2,200 กลุ่ม มาติดตามสอบสวนโรคให้ครบ
นพ.วิชาญ กล่าวอีกว่า กรุงเทพมหานคร ยังได้ร่วมกับ กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ออกตรวจเชิงรุกในสถานที่เสี่ยง ได้แก่ ตลาด และโรงงานที่มีแรงงานต่างด้าว โดยในตลาดทั้ง 117 แห่ง ได้ตรวจคัดกรองแล้ว 1.2 หมื่นราย พบผู้ติดเชื้อโควิด 141 ราย และในสัปดาห์นี้จะตรวจคัดกรองเพิ่มอีก 1.8 หมื่นราย ซึ่งจะตรวจครบทุกตลาด รวมถึงการสุ่มตรวจสำรวจโรงงานทุกแห่ง
“อยากให้ทุกคนคิดว่า ทุกคน ทุกกิจกรรม ทุกสถานที่ มีความเสี่ยง ต้องเฝ้าระว้ง ควบคุมอย่างเข้มข้น ทั้งตัวเองและองค์กร เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว”นพ.วิชาญ กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หวั่นโควิดระลอกใหม่ยืดเยื้อ ทำเศรษฐกิจเสียหาย 3-4 แสนล้านบาท!
- ชี้โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ฉุดรายได้’การค้า-ท่องเที่ยว’สูญ 1.4 แสนล้าน
- ‘ทัพเรือ’ ยันผลตรวจกำลังพล ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร’ 270 นาย ไม่พบโควิด!