Telecommunications

ดีแทคโชว์ตัวเลข ‘dtac-T Turbo’ 6,000 สถานีฐาน

44083335 1122958627862194 9097147681079296000 n
ทีมผู้บริหารดีแทค

ดีแทคเปิดผลประกอบการ 9 เดือน ลูกค้ารวม 21.3 ล้านราย และประมาณ 99% ของจำนวนนี้ได้ลงทะเบียนภายใต้ดีแทค ไตรเน็ต (DTN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดีแทคที่ได้รับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz จาก กสทช. แล้ว

พร้อมกันนั้น ทางดีแทคได้ระบุว่าหลังจากดำเนินการมา 27 ปี และสัญญาสัมปทานของดีแทคได้สิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน 2561 ที่ผ่านมานั้น ดีแทคได้จัดหาคลื่นความถี่ให้เพียงพอต่อการให้บริการ และยังสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานภายใต้สัญญาสัมปทานที่ทำกับ CAT เพื่อให้บริการการสื่อสารไร้สายแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ ดีแทคยังมีโอกาสที่จะมีคลื่นความถี่เพิ่มเติมจากการประมูลความถี่ในช่วงปลายเดือนตุลาคมเพื่อเสริมสร้างพอร์ทความถี่ที่ให้บริการ และโครงข่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับการเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่าย ‘dtac-T Turbo’ (ดีแทคเทอร์โบ) ปัจจุบันมีสถานีฐานที่ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้วเกือบ 6,000 สถานีฐาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2561 ส่งผลให้โครงข่ายโดยรวมของดีแทคครอบคลุม 94% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 รายได้จากการให้บริการหลัก (รายได้จากบริการเสียงและข้อมูล) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC สำหรับช่วงสามไตรมาสปีนี้ลดลง 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ (IDD) และรายได้จากบริการอื่นๆ ถึงแม้ว่าดีแทคเริ่มชำระเงินให้กับ TOT ภายใต้สัญญาการให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ได้ทำลงนามกันตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2561 แต่ EBITDA margin สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2561 ยังคงสูงอยู่ที่ 41.5% ของรายได้รวมทั้งหมด ถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายจำนวนนี้ EBITDA margin สำหรับช่วงสามไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 45.0%

กำไรสุทธิสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 อยู่ที่ 572 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นจากการลงทุนในการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง และจากค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวนประมาณ 1,400 ล้านบาท จากการตกลงยุติข้อพิพาทการเป็นเจ้าของเสาสัญญาณกับทาง CAT ก่อนที่สัมปทานจะสิ้นสุดลง

สำหรับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA – CAPEX) สำหรับช่วง 9 เดือนแรกนี้อยู่ที่ 11,600 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 0.7 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.8 เท่า ดีแทคมีเงินสด ณ สิ้นสุดไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท

ดีแทคได้ปรับการประมาณการผลประกอบการสำหรับปี 2561 โดยปรับลดรายได้จากการให้บริการไม่รวม IC ลงในระดับตัวเลขหลักเดียวช่วงต่ำ (low single digit decline), EBITDA margin อยู่ในช่วง 36%-38%, และ CAPEX อยู่ในช่วง 18,000 – 20,000 ล้านบาท

อเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เรามีการเตรียมการในช่วงสิ้นสุดสัมปทานไว้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าของเราจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เป้าหมายสำคัญในตอนนี้คือ การเพิ่มพื้นที่ให้บริการโครงข่าย 2300 MHz และการโอนย้ายลูกค้าที่เหลือมาใช้บริการบนโครงข่าย DTN ด้วยโอกาสในการครอบครองช่วงคลื่นความถี่ต่ำเพิ่มขึ้น ดีแทคจะอยู่ในตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้นในการแข่งขัน และก้าวทันการเติบโตของตลาดได้”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight