World News

ราคาน้ำมันเริ่มเข้าสู่ขาขึ้น แต่ไปไม่ไกล

ราคาน้ำมันแนวโน้มขยับขึ้น หลังจากรายงานสต็อกน้ำมันลดลงและปริมาณการผลิตในสหรัฐร่วงลงจากผลกระทบการแพร่รบาดของโควิด-19 

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ (WTI) ขยับขึ้น 40 เซ็นต์ หรือ 0.8% อยู่ที่ 53.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ในตลาดเอเชีย และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 47 เซ็นต์ หรือ 0.8% อยู่ที่ 57.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นสูงสุด นับตั้งแต่เดือนก.พ. ปีที่ผ่านมา ก่อนที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะปะทุขึ้นในจีน จนแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้หลายประเทศประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลง

ราคาน้ำมันโลก

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการมีการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงปลายเดือนธ.ค.ในหลายประเทศ การแพร่ระบาดยังรุนแรงขึ้นจากการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ซึ่งการระบาดรอบใหม่ยังเป็นความเสี่ยงต่อตลาดน้ำมัน

ราคาน้ำมันโลกยังได้แรงหนนจากกลุ่มโอเปกพลัส เดินหน้าลดกำลังการผลิต เพื่อผยุงราคาน้ำมัน แต่เป็นการปรับลดถึงช่วงเดือนก.พ. ก่อนจะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งประเทศสมาชิกในกลุ่มบางประเทศต้องการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อหารายได้จากการขายน้ำมันมาใช้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี

เทรดเดอร์กล่าวว่าปัจจัยที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันที่สำคัญคือผู้ผลิตน้ำมันจากเชลลออยล์ของสหรัฐ ที่ยุติการผลิตลงไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด และผู้ผลิตจำนวนมากต้องปิดกิจการลง แต่เมื่อราคาน้ำมันขยับขึ้น ผู้ผลิตของสหรัฐจะกลับมาผลิตอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันอีกครั้ง

“การผลิตจากสหรัฐ ถือว่ามีบทบาทในการกำหนดทิศทางราคาน้ำมัน ขณะที่กลุ่มโอปเกพลัสก็ไม่ต้องการผลักดันให้ราคาขยับขึ้นสูงมากเกินไป จนผู้ผลิตจากเชลออยล์กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง”

ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากความต้องการในตลาดเอเชีย ที่เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 และการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปีนี้ แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ จากการแพร่ระบาดรอบใหม่

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ ผลิตน้ำมันลดลง 5.8 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ประมาณ 484.5 ล้านบาร์เรล

 อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo