การ์ทเนอร์คาด ภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) 80% ของเทคโนโลยีเกิดใหม่จะมีเอไออยู่เบื้องหลัง
โดยผู้ที่ออกมาเปิดเผยถึงแนวโน้มครั้งนี้คือ ไบรอัน เบิร์ก (Brian Burke) รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ ที่มองว่าเอไอจะติด 1 ใน 5 ของเมกะเทรนด์ที่จะเข้ามาปรับโฉมโลกใหม่ โดยจะแทรกตัวเข้าไปในการทำงานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น ส่วนอีก 4 เมกะเทรนด์ที่การ์ทเนอร์คาดว่าจะมีผลต่อโลกใหม่นอกจากเอไอนั้น ประกอบด้วย บล็อกเชน, IoT, เครือข่าย 5G และควอนตัมคอมพิวติ้งนั่นเอง
แม้จะยังมองไม่เห็นภาพของโลกใหม่ตามที่การ์ทเนอร์ออกมาคาดการณ์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในหลาย ๆ ประเทศก็คือ การนำเอไอมาช่วยด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น กรณีที่เกิดในฟิลิปปินส์และมาเลเซียในชื่อ OpenTraffic by World Bank
โดยโครงการนี้ได้ใช้ข้อมูลของแกร็บ (Grab) แบบไม่เปิดเผยตัวคนขับ ให้รัฐบาลฟิลิปปินส์และมาเลเซียได้ทราบว่า สภาพการจราจรแบบเรียลไทม์นั้นเป็นอย่างไร และเจ้าหน้าที่สามารถทราบได้ว่า จุดที่เกิดการติดขัดคือบริเวณไหน และจะสามารถระบายรถได้อย่างไรจึงจะช่วยลดปัญหาจราจรได้ดีที่สุด
ส่วนภาพของโลกใหม่ในมุมที่การ์ทเนอร์คาดการณ์ การรออีกสองปีก็อาจทำให้เราได้เห็นภาพเหล่านั้นชัดมากขึ้น รวมถึงอาจเป็นการเตือนภาคธุรกิจว่า หากจะปรับตัวก็อาจต้องเริ่มได้แล้ว เพราะหากถึงวันนั้น การปรับตัวอาจสายเกินไป
