ถือว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในทุกไตรมาส ที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) จะมีการสรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิก (IAA Survey) เกี่ยวกับทิศทางการลงทุนในอนาคต เพื่อเผยแพร่เป็นข้อมูลการตัดสินใจต่อนักลงทุนรายย่อย
สำหรับ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เป็นองค์กรความร่วมมือของนักวิเคราะห์การลงทุนไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการดูแลและส่งเสริมการทำงานของนักวิเคราะห์ให้มีบทบาทวิจัยที่มีคุณภาพ และมีจำนวนหุ้นที่วิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานรวมกันใน IAA Consensus มากเพียงพอ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน
สรุปทิศทางการลงทุน ปี 2564 โดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน
การสำรวจความเห็นครั้งนี้ เกิดจากผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 23 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จำนวน 18 บริษัท บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำนวน 3 บริษัท และบริษัทโกลด์ ฟิวส์เจอร์ส 1 บริษัท ซึ่งได้ปรับสมมติฐานหลักเป็นปัจจุบันแล้ว
โดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ให้เป้าหมาย SET Index ประจำปี 2564 ที่ 1,559 จุด ซึ่งนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนกว่า 60% มองว่าดัชนีหุ้นไทนจะมีแนวโน้มไปในทิศทางบวก จากปัยจัยหลัก อาทิ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก, Fund Flow จากต่างประเทศสู่ตลาดทุนไทย และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบต่อตลาดทุนไทยในปี 2564 ได้แก่ แนวโน้มสถานการณ์โควิด-19, ปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ และเศรษฐกิจภายในประเทศ 52.17% อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตุว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศนั้นผู้โหวตมีความเห็นต่างพอสมควร เพราะมีทั้งผู้ที่เห็นว่าเป็นบวกและมองแย้งว่าเป็นผลต่อตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดเฉลี่ยที่ 77.46 บาท และคาดว่า EPS Growth ของงบปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 40.77%
เปิดรายชื่อ 5 หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำ
มาถึงไฮไลท์สำคัญ นั่นคือ การเปิดเผยรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป โดยมีด้วยกัน 5 หลักทรัพย์ (เรียงชื่อตามอักษรย่อ) ดังนี้
1. DVANC: บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 3 ปัจจัยบวกหุ้นในกลุ่มสื่อสาร คือ
1. การประกาศขอความร่วมมือให้หน่วยงานราชการ แลtบริษัทเอกชน เริ่มทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่นั้นจะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้งาน Data ที่สูงขึ้น
2. ADVANC ให้ผลตอบแทนเงินปันผล ที่ประมาณ 4.11% ประกอบกับราคามีการปรับตัวลงมาทรงตัวในระดับที่น่าสนใจ
3. เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ Fund Flow มีโอกาสกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่ง ADVANC เป็นหุ้นแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดที่ดี น่าจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ
2. BDMS: บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)
เนื่องจาก BDMS เป็นกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในไทย คาดกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่เป็นจุดต่ำ ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่าย เพิ่มสัดส่วนคนไข้ประกัน และประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
3. CPALL: บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด
ด้วยมาตรการภาครัฐยังมีต่อเนื่อง ที่เป็นการหนุนเม็ดเงินและกำลังซื้อของลูกค้า ทำให้คาดการณ์ว่า CPALL จะได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
4. KBANK: ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
โดยมองว่าธนาคารกสิกรไทย มีปัยจัยหนุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูง (NIM) รวมทั้งมีการบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงที่ดี และเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ
5. PTTGC: บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
บริษัทน่าจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังมีวัคซีน เนื่องจากมีความได้เปรียบด้านต้นทุนจากการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตนั่นเอง
ลองนำข้อมูลประมาณดังกล่าว ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจในการลงทุนกันได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละบริษัทอีกครั้ง
บทความนี้ เป็นการสรุปจาก Live ผลการสำรวจความคิดเห็นทิศทางการลงทุน ปี 2564 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Thailand) เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 สามารถรับชมข้อมูลเต็มๆ ได้ที่ https://fb.watch/2R63hr97Gj/
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตาหุ้น IPO สุดฮอต! ต่อแถวเข้าเทรด
- จับตาธนาคารกลาง เทขายทองคำ สัญญาณสิ้นสุดราคาทองขาขึ้น
- หุ้นไทยปีนี้ยังไปได้ต่อ! โบรกฯ มองมีโอกาสเหวี่ยงถึง 1,600-1,626 จุด