COVID-19

‘ศบค.’ พบ ‘สื่อ’! เจอวิจารณ์หนัก ‘ข้อมูลสับสน-แอปเยอะ-โฆษกไม่ชัดเจน’

ศบค.พบสื่อ เปิดรับฟังความคิดเห็น เจอวิจารณ์หนัก ทั้งการทำไทม์ไลน์ ที่ไร้แนวทางชัดเจน การให้ข้อมูลสับสน แอปพลิเคชันเกี่ยวกับโควิดที่มีเยอะเกินไป และการทำหน้าที่ของโฆษก ที่ไม่ตรงไปตรงมาให้ความชัดเจนได้เหมือนกับการระบาดในรอบแรก 

วันนี้ (7 ม.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รายงานว่า  ศูนย์อำนวยการบริหารสถายการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. นำโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน อาทิ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และตัวแทนสื่อมวลชนจากสำนักต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย กสทช. สำนักงานรัฐบาลดิจิทัล ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ อสมท.

ศบค.

พล.อ.ณัฐพล กล่าวเปิดการประชุม โดยแนะนำโครงสร้างการทำงานของศบค. และยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนที่กลัวการให้ข่าวกับสื่อมวลชน แต่วันนี้ยินดีที่จะพบ และต้องการรับฟังความคิดเห็นจากสื่อมวลชน

นับตั้งแต่รับตำแหน่งเลขาสมช.มา และรับราชการมา 37 ปี ยอมรับว่าโควิดเป็นสถานการณ์การที่หนักที่สุด เพราะเมื่อมีมาตรการเข้มไปก็โดนตำหนิ เมื่อผ่อนคลายก็ถูกตำหนิ ซึ่งเป็นการทำงานบนความคิดเห็นที่แตกต่างของสังคม ในการแก้ไขสถานการณ์

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า การแก้ไขสถานการณ์โควิดมีสองส่วน คือ 1.ความสำเร็จของการแพทย์ สาธารณสุข 2.การบริหารความรู้สึก ความเข้าใจของประชาชน หากทั้งสองส่วนทำได้มากกว่า 80% จะสามารถทำให้ช่วยควบคุมสถานการณ์และยืนระยะได้

“ตอนนี้เราต้องทำความสำคัญกับการทำความเข้าใจกับสังคม วันนี้ผมจึงต้องการคำแนะนำจากพี่ ๆ สื่อมวลชนทุกท่าน เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานของศบค.ต่อไป”

การเปิดให้สื่อมวลชน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานสื่อสารของศบค. โดยเริ่มจากประเด็น ไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ โควิด ที่เสนอให้ ศบค.ให้นโยบาย และกำหนดให้เป็นรูปแบบการเขียน Timeline แบบเดียวกัน

เนื่องจากในขณะนี้ บางจังหวัดก็ไม่ทำไทม์ไลน์ บางจังหวัดเขียนละเอียดมากจนสามารถรู้ชื่อ นามสกุล รู้ได้เลยว่าบ้านหลังไหน โดยมีการยกตัวอย่าง นนทบุรี และนครปฐม แต่บางจังหวัด อาทิ กทม. เขียนแบบกลัวโดนฟ้อง ใช้คำว่า สถานที่แห่งหนึ่ง ร้านแห่งหนึ่ง ทำให้คลุมเครือไม่ชัดเจน

นพ. ทวีศิลป์ ชี้แจงว่า เรื่องไทม์ไลน์ เป็นเรื่องที่พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ด้วยสเกลของข้อมูลมีจำนวนมากในบางพื้นที่ ก็จะใช้วิธีการกรุ๊ปกลุ่ม เพราะไม่สามารถทำไทม์ไลน์ได้ทุกคน เช่นเดียวกับหลายประเทศ รวมทั้ง สิงคโปร์ ที่ไม่สามารถรายงานไทม์ไลน์ได้ เนื่องจากข้อมูลเยอะเหมือนไทย จึงทำเป็นกลุ่มก้อนเฉพาะ

หมอชนะ2713

แอปพลิเคชัน โควิด เยอะเกิน 

นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงแอปพลิเคชันเกี่ยวกับโควิดที่มีมากเกินไป ทั้งไทยชนะ หมอชนะ ถ้าไปเชียงใหม่ก็มี เชียงใหม่ชนะ อยู่ กทม.ก็มีของตัวเองอีก จึงขอให้ศบค.ทำให้เหลือเพียงแอปพลิเคชันเดียวจะได้หรือไม่

แต่ทั้งนี้ส่วนใหญ่ในที่ประชุมท้วงติงกรณีการแถลงข่าวของ โฆษกศบค. ในวันนี้ ที่ระบุว่า ถ้าประชาชนใน “พื้นที่ควบคุม” ไม่ดาวน์โหลดหมอชนะ จะมีความผิดและต้องรับโทษ

นพ.หมอทวีศิลป์ ใช้โอกาสนี้ในการชี้แจง พร้อมกับขอโทษในการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่สบายใจ จึงขอยืนยันว่า ไม่ได้มีความผิดขนาดนั้น เพราะเจตนาที่แท้จริง เป็นการขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่ใช้แอปพลิเคชันหมอชนะ ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หากประชาชนไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่สามารถโหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ได้นั้น ก็สามารถใช้กระบวนการแบบแอปพลิเคชันไทยชนะได้ ในการจดบันทึกของตนเองด้วยมือ

“ยืนยันที่แถลงศบค.ในเรื่องดังกล่าวเป็นการอ่านตามเอกสารที่ระบุในคำสั่ง แต่ความจริงไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น เพราะต้องการเพียงความร่วมมือกับประชาชนเท่านั้น”

นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยในเรื่องของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ค่าแอร์ไทม์ในการใช้แอปพลิเคชัน ปัญหาการแทร็กกิ้ง ที่จะติดตามเฉพาะคนที่ “อนุญาตให้ติดตามเฉพาะเมื่อเปิดใช้แอปเท่านั้น” จึงขอให้มีการสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน ในการติดตั้ง และใช้แอปพลิเคชันหมอชนะอีกครั้ง

ศบค.

“โฆษก ศบค.” ทำหน้าที่ไม่เหมือนเดิม

สื่อมวลชน ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของ นพ.ทวีศิลป์ ที่อาจจะต่างจากช่วงการระบาดระลอกแรก ที่ดูจะสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจอย่างตรงไปตรงมามากกว่ารอบนี้ สังเกตุได้จากการเลี่ยงใช้คำ เพราะอาจจะกังวลการเมืองมากไปหน่อย เช่น การระบุสีในพื้นที่ เช่น พื้นที่สีแดง สีส้ม ก็เลี่ยงไปใช้คำว่าควบคุม หรือ ควบคุมสูงสุดแทน ทั้งที่ประชาชนเข้าใจในการควบคุมการระบาด หรือการเอ่ยถึงบ่อนการพนัน ก็ไม่กล้ากล่าวตรงๆ

รวมทั้ง มีการท้วงติงการทำงานของ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร ที่สื่อมวลชนฝากศบค. สะท้อนปัญหา เพราะเมื่อนักข่าวถามข้อมูลในเชิงการแพทย์โฆษก กทม.มักจะตอบไม่ได้ จึงเสนอว่า เมื่อโฆษกกทม.จะแถลง ให้เชิญ แพทย์จากสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ ของกทม. มานั่งประกบ และให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้ง ขอให้ทำงานแบบบูรณาการร่วมกับศบค.ด้วย

จุดนี้ “นพ.ทวีศิลป์” น้อมรับ และชี้แจง ว่า การทำงานของตัวเองยึดหลักสามข้อ คือ 1.true – ข้อเท็จจริง 2. transparency โปร่งใส 3. Timing เวลา

พร้อมอธิบายว่า เมื่อครั้งการระบาดในครั้งที่แล้ว มีเคสที่สูงสุดคือวันที่มี 188 เคส ที่ต้องขอบคุณทีมระบาดวิทยาที่อดหลับอดนอน ทำงานดึกดื่นทุกวันเพื่ออัพเดทข้อมูล

“แต่ครั้งนี้ ข้อมูลมหาศาลจริงๆ ตูมแรกก็มาเลย 500 ราย เมื่อข้อเท็จจริงมีมาก ก็เลยทำให้ความโปร่งใสมีปัญหา จนทำให้หนักใจ เพราะข้อมูลจำนวนมาก ทำให้การรายงานที่ครบมีปัญหาด้วย ไม่ใช่ไม่อยากรายงานให้ครบ”

อย่างรอบแรกเกิดขึ้นในสนามมวย และผับทองหล่อเป็นแหล่งใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะแม้จะขอข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ก็ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ทำงานหนัก เพราะข้อมูลเยอะจริงๆ เพราะในพื้นที่เอง ก็สาละวนกับการสอบสวนโรคจำนวนมาก

ส่วนที่ว่ากลัวการพูดในเชิงการเมือง และการใช้ภาษานั้น นพ. ทวีศิลป์ ยืนยันว่า ตัวเองพูดในสิ่งที่สบายใจที่จะพูด สบายใจที่ได้ทำงานกับเลขา สมช. เพราะไม่มีใครมาสั่งให้ต้องพูดอย่างนั้นอย่างนี้

“นี่คือภาวะวิกฤติ แม้ประเทศที่ใหญ่เขาก็เจอยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหา”

ศบค.

การจัดการข้อมูลของรัฐบาล

มีการพูดถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหักข้อมูลของประกาศกทม. ที่ห้ามรับประทานอาหารในร้านหลัง 19.00 น. แต่นายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิกประกาศ ภาพออกมาเหมือน กทม.กับ ศบค. ไม่ได้คุยกัน และการแก้ปัญหาสามารถทำได้หลังไมค์ ด้วยการที่สื่อสารกันภายใน ไม่ต้องแถลงให้เกิดภาพความขัดแย้ง

รวมทั้งกรณี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ศบค.ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด แต่สุดท้ายต้องรอการชี้แจงในวันต่อไป ทำให้เกิดความสับสนของข้อมูล แต่ไม่มีใครกล้าออกมาแก้ข่าวได้ทันท่วงที  และยังพูดถึงกรณีที่จังหวัดต่างๆ ให้ข่าวการพบผู้ติดเชื้อรายพื้นที่ของตัวเอง ทำให้มีข้อมูลมหาศาลตลอดทั้งวัน

ตรงนี้มีการบอกกับ ศบค.ว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก และต้องบริหารจัดการข้อมูลให้เป็น single message เพราะส่งผลกับความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ที่ประชาชนจะสับสน

พร้อมกับเสนอว่า หาก นพ. ทวีศิลป์แถลงคนเดียวไม่หมด ขอให้ถอยกลับไปใช้หลักการแถลงแบบศบค. รอบแรก คือ นพ.ทวีศิลป์ แถลงสถานการณ์ หน่วยงานไหนเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ให้มีตัวแทนมาแถลงเช่น เรื่องความมั่นคง มี สมช. สำนักงานตำรวจ มหาดไทย มาแถลง เรื่องแรงงาน มีกระทรวงแรงงานมาแถลง เรื่อง แอปพลิเคชัน กระทรวงดีอีมาแถลง ไม่เช่นนั้น นพ. ทวีศิลป์จะแบกภาระอยู่คนเดียว

ก่อนจบการประชุมที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง เลขาสมช.ในฐานะประธานการประชุม แสดงความขอบคุณ และน้อมรับทุกคำแนะนำจากสื่อมวลชน และหลายเรื่องเป็นความจริงที่ต้องรีบแก้ไข หากสิ่งใดทำได้ทันทีก็จะทำ สิ่งใดที่ทำไม่ได้ ก็จะพยายามทำให้ดี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo