Wellness

‘วิ่งออกกำลังกาย-แข่งมาราธอน’อย่างปลอดภัย

วันหยุดยาวนี้หลายท่านที่ไม่เดินทางออกไปท่องเที่ยว อาจจะใช้เวลาว่างในการออกกำลังกาย โดยวันนี้ นพ.ไพโรจน์ บุญศิริชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้แนะนำการออกกำลังกายด้วยการวิ่งอย่างปลอดภัยว่า การวิ่งให้ปลอดภัยออกเป็น 2 กรณีคือ

นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย
นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย

กรณีที่หนึ่ง คือ การวิ่งออกกำลังกายบนท้องถนนทั่วไป ที่ไม่ใช่งานวิ่งตามเทศกาลที่เขาจัดขึ้นตามงานต่างๆ ซึ่งการวิ่งบนท้องถนนหรือตามข้างทางที่ไม่ใช่สนามวิ่งหรืองานเทศกาลต่างๆ ทางด้านสภาพแวดล้อมในการวิ่งผู้วิ่งควรจะต้องประเมินความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมเป็นอันดับแรก

โดยไม่ควรใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงในขณะวิ่ง เพราะจะทำให้เราไม่ได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบตัวที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น เสียงแตรรถยนต์ เสียงรถ ที่อาจจะทำให้เราเกิดอุบัติเหตุ และหากวิ่งตอนกลางคืนผู้วิ่งควรใส่เสื้อสะท้อนแสงหรือเสื้อสีสว่างที่จะทำให้รถยนต์หรือคนอื่นๆเห็นผู้วิ่งได้ชัดเจน

ที่สำคัญควรพกบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรผู้ป่วยที่บอกโรคประจำตัวอย่างชัดเจน พร้อมทั้งพกโทรศัพท์และเบอร์คนที่ผู้พบเห็นสามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็วหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

วิ่งมาราธอน

กรณีที่สอง คือ การวิ่งมาราธอนหรือการวิ่งระยะยาวในสนามต่างๆ ซึ่งการวิ่งมาราธอนนั้นหรือการวิ่งระยะยาวในสนามต่างๆ เป็นการวิ่งที่ผู้วิ่งต้องใช้ความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด เพราะการวิ่งในลักษณะนี้จะต้องใช้พลังงานในการวิ่งอย่างมากและต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นผู้ที่จะออกกำลังกายด้วยการวิ่งมาราธอนนั้น จะต้องมีการเตรียมตัวให้ดี โดยต้องประเมินสุขภาพของตนเองก่อนวิ่งเป็นอันดับแรกและหากเรายังไม่แน่ใจว่าร่างกายของเราพร้อมกับการวิ่งหรือไม่ ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพว่า ไม่ได้เป็นโรคที่เสี่ยงต่อการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เช่น โรคที่เกี่ยวกับการทำงานของหัวใจอาทิ โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคกล้ามเนื้อหัวใจโต หรือ โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืด เบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับกระดูกหรือข้อ ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้ไม่ควรออกกำลังกายด้วยการวิ่งมาราธอนหรือการวิ่งในสนามระยะยาว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มโรคหัวใจอาจะทำเกิดภาวะหัวใจวายได้

ข้อแนะนำในการปฏิบัติก่อนวิ่ง สำหรับผู้ที่ปรึกษาแพทย์และตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอแล้วและไม่ได้อยู่ในโรคกลุ่มเสี่ยงต่อการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง การปฏิบัติตัวก่อนทำการวิ่ง ผู้วิ่งต้องควรจะต้องมีการอบอุ่นร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างเพียงพอ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการวิ่ง รับประทานอาหารก่อนการวิ่งล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนออกกำลังกาย 30 นาที เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ

ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติและเกิดอาการสมองบวมตามมาได้ นอกจากนี้ในระหว่างวิ่งผู้วิ่งควรสังเกตปริมาณและสีของปัสสาวะ หากปัสสาวะน้อยและสีเข้มขึ้นแสดงว่าร่างกายยังขาดน้ำ ควรดื่มน้ำเพิ่ม แต่ถ้าปัสสาวะมาก สีจางใส และบ่อยกว่าปกติ มีอาการเวียนศีรษะ มึนงง อาจเป็นการแสดงว่าร่างกายได้รับน้ำมากจนเกินพอแล้ว  หากมีอาการหน้ามืดหรือมีอาการเจ็บหน้าอกให้หยุดวิ่งและควรรีบพบแพทย์สนามทันที

Avatar photo