ยอดใช้น้ำมัน เชื้อเพลิงช่วงเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2563 ลดลง 12.7% น้ำมันเครื่องบินหนักสุดร่วง 61.2% คาดปีนี้ยอดใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-ดีเซลจะมากกว่าปีที่ผ่านมา
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดี กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยถึง ภาพรวม ยอดใช้น้ำมัน เชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 11 เดือนของปี 2563 (ม.ค. – พ.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 12.7% โดยกลุ่มเบนซิน ลดลง 1.8% กลุ่มดีเซล ลดลง 3.3% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (เจท A1) ลดลง 61.2% น้ำมันเตา ลดลง 13.6% น้ำมันก๊าด ลดลง 14.0%
ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ลดลง 14.3% และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) ลดลง 28.8% โดยสาเหตุสำคัญยังคงมาจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทางของประชาชนการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.5 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.8%
โดยความต้องการใช้ลดลงมากในช่วงเดือนเมษายน และพฤษภาคมที่มีการล็อกดาวน์ และความต้องการใช้เริ่มกลับมาอยู่ในระดับปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยประชาชนหันมาใช้ รถส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้รถสาธารณะ สำหรับการใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.8 ล้านลิตรตอวัน หรือลดลง 17.1% และกลุ่มแก๊สโซฮอล์ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 30.7 ล้านลิตรต่อวัน หรือลดลง 1.3%
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกชนิดน้ำมัน พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 0.9 ล้านลิตรต่อวัน รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 8.2 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่แก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.5 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15.1 ล้านลิตรต่อวัน
ขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 65.1 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.3% โดยการใช้ลดลงมากในเดือนเมษายน ที่มีการล็อกดาวน์ และปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับปกติตั้งแต่เดือนพฤษภาคม สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 มีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 43.9 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา(บี10) มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 15.5 ล้านลิตรต่อวัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 3.7 ล้านลิตรต่อวัน
เนื่องจากนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ และการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การเดินทางด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศลดลง และปัจจุบันยอดการใช้ยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ โดยการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ ในเดือนพฤศจิกายน คิดเป็นเพียง 30% ของการใช้ในระดับปกติ
ด้านการใช้แอลพีจี เฉลี่ยอยู่ที่ 15.3 ล้านกิโลกรัม (กก.) ต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.3% โดยปริมาณการใช้ในภาคขนส่งลดลงมากที่สุด โดยมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.0 ล้านกก.ต่อวัน ลดลง 27.3% รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี ซึ่งมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.1 ล้านกก.ต่อวัน ลดลง 18.2%
ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 1.7 ล้านกก.ต่อวัน ลดลง 8.1% และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดโดยการใช้อยู่ที่ 5.5 ล้านกก.ต่อวัน ลดลง 4.9% ส่วนการใช้เอ็นจีวีเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 3.9 ล้านกก.ต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.8% สอดคล้องกับจำนวน รถเอ็นจีวีที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการใช้น้ำมันในปี 2564 คาดว่า การใช้กลุ่มเบนซิน และดีเซลจะสูงกว่าปี 2563 โดยอยู่ที่ 31 – 34 ล้านลิตรต่อวัน และ 65-69 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ ใกล้เคียงกับการใช้ในปี 2562 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะสามารถควบคุมได้ และการขยายตัวของเศรษฐกิจจะขยายตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้รถส่วนตัวแทนรถสาธารณะ ประกอบกับราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก
“หากจำเป็นต้องมี การล็อกดาวน์หรือปิดสถานที่บางแห่ง เช่นเดียวกับช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563 ปริมาณการใช้น้ำมันอาจลดลงมาต่ำกว่าปกติอีก สำหรับการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2563 มาอยู่ที่ 8-11 ล้านลิตรต่อวัน และคาดว่าความต้องการใช้จะยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ” นางสาวนันธิกา กล่าว
ด้าน บมจ. ท่าอากาศยานไทย คาดว่า การจราจรทางอากาศจะกลับมาอยู่ในระดับก่อนโควิด-19 ในปี 2566 ขณะที่ปริมาณการใช้แอพีจี และเอ็นจีวีคาดว่า จะยังคงลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็คเลยประกาศแล้ว! ผู้ว่าฯนนทบุรีแจ้งวันครบกำหนดสั่งปิดสถานที่
- ‘ไทยยูเนี่ยน’ ตรวจโควิด พนักงาน 23,630 คน จาก 27,552 คน พบติดเชื้อแล้ว 69 คน
- ‘ธนาคารกรุงไทย-ออมสิน’ ปรับเวลาปิดสาขาในห้างเร็วขึ้น จากไวรัสโควิด-19