Opinions

ทำไมตลาดหุ้นไม่กลัวโควิด?

Avatar photo

ช่วงนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในไทยเริ่มกลับมาอีกรอบ และดูรุนแรงกว่ารอบแรกค่อนข้างมาก เพราะติดเชื้อกันวันละเฉลี่ยถึง 500-600 คน ทำให้ยอดสะสมจนถึงวันนี้สูงเกือบ 9,000 คน และน่าจะแตะหลักหมื่นภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

แต่ตลาดหุ้นไทยกลับไม่กังวลกับการแพร่ระบาดรอบนี้ เมื่อวาน (4 มค) SET Index ปรับขึ้นไป 19 จุด และวันนี้ (5 มค) ขึ้นต่อไปอีกถึง 38 จุด ต่างจากการระบาดรอบแรกที่กดดันให้ตลาดหุ้นตกไป 573 จุด ภายในไม่ถึงหนึ่งเดือน

สถานการณ์โควิดในอีกหลายประเทศก็รุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน เช่นในเกาหลีไต้ ที่กลับมาแพร่ระบาดเป็นรอบที่สามในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ติดเชื้อกันวันละเกือบพันคน จนรัฐบาลต้องเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มอีกรอบ

แต่ตลาดหุ้นเกาหลีกลับสวนทางปรับขึ้นถึง 23% ในไตรมาสสุดท้ายของปี ทำให้ตลอดทั้งปีตลาดหุ้นเกาหลีปรับขึ้น 31% และยังปรับขึ้นต่อไปอีก 4% ในสองวันแรกของปีนี้  

ตลาดหุ้น

ที่น่าสนใจที่สุดคือตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่หลายต่อหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายวันที่ทำสถิติสูงสุดใหม่หลายต่อหลายครั้งเช่นเดียวกัน

ทำไมตลาดหุ้นถึงไม่กลัวโควิด?

ผมคาดว่าน่าจะมาจาก 5 ปัจจัย ดังนี้

หนึ่ง การที่เริ่มมีการผลิตและฉีดวัคซีนไปแล้วในเกือบ 40 ประเทศ และวัคซีนน่าจะมีพร้อมใช้ในอีกหลายประเทศภายในปีนี้ ทำให้ตลาดหุ้นมั่นใจว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกน่าจะใกล้แตะจุดสูงสุดแล้ว

สอง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ที่เพิ่งผ่านมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่สอง มูลค่าเก้าแสนล้านดอลลาร์ หรือญี่ปุ่น ที่ออกมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ มูลค่าเจ็ดแสนล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี

สาม ตลาดหุ้นเชื่อว่าธนาคารกลางในหลายประเทศยังเหลือช่องว่างทางนโยบาย (policy space) ในการผ่อนคลายนโยบายการเงินได้อีก ถ้าสถานการณ์โควิดเลวร้ายถึงขั้นต้องออกมาตรการเพิ่มเติม

สี่ การฟื้นตัวแบบ V-shaped ที่มีให้เห็นแล้วในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยจากโควิด เช่น จีน เวียดนาม และไต้หวัน ที่ GDP กลับมาขยายตัวแล้วในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ทำให้ตลาดหุ้นเชื่อมั่นว่าประเทศที่เหลือมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน เมื่อสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิดได้

ห้า อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ บวกกับระดับสภาพคล่องส่วนเกินที่สูงมากๆในทุกประเทศ นอกจากช่วยเพิ่มมูลค่าทางทฤษฎีให้กับราคาหุ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงกดดันทางอ้อมให้นักลงทุนต้องเพิ่มการลงทุนในหุ้นอีกด้วยเพื่อหาผลตอบแทน

สรุปง่ายๆ ตลาดหุ้นเลือกที่จะมองไปข้างหน้า มากกว่ามองไปข้างหลัง และเชื่อมั่นว่ามาตรการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการกันอยู่ทั่วโลก ทั้งทางด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ ด้านโยบายการเงิน และด้านนโยบายการคลัง จะช่วยทำให้โลกสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย 

ไพบูลย์ นลินทรางกูร

5 มกราคม 2564

ที่มา : https://www.facebook.com/paiboon.nalinthrangkurn/

อ่านข่าวเพ่มเติม :