Politics

‘บิ๊กตู่’ เตรียมวัคซีนล็อตแรก 2 ล้านโดส สำหรับผู้ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วย!

วัคซีนโควิด ล็อตแรก 2 ล้านโดสมาแน่! “นายกรัฐมนตรี” เตรียมฉีดให้สำหรับผู้ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วยก่อน พร้อมเตรียมแผนจัดหาวัคซีนให้เพียงพอแก่ประชาชนทั้งประเทศ

ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ ให้กระทรวงสาธารณสุขรองรับ วัคซีนโควิด ที่จะเข้ามาในระยะแรกจำนวน 2 ล้านโดส แบ่งเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม จำนวน 8 แสนโดส สำหรับประชาชน 4 แสนคน เดือนเมษายน จำนวน 1 ล้านโดส สำหรับประชาชน 5 แสนคน

ปลายเดือนพฤษภาคม อีก 26 ล้านโดส สำหรับประชาชน 13 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดจะต้องผ่านมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ โดยได้ติดตามการฉีดวัคซีนในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยปลอดภัยให้มากที่สุด

วัคซีนโควิด

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มีการสั่งจองวัคซีนจากแอสตราเซเนก้า (AstraZeneca) เพิ่มอีกจำนวน 35 ล้านโดส ซึ่งจะต้องฉีดคนละ 2 โดส ห่างกันระยะเวลา 4 สัปดาห์ โดยจัดลำดับการฉีดวัคซีน ตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กลุ่มที่สำคัญที่สุด คือ กลุ่มผู้ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ผู้ปฏิบัติงานการตรวจคัดกรองโรค ปฏิบัติงานด้านหน้า บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีอาการป่วยเรื้อรัง ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงสูง เมื่อป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอื่น ๆ ตามความจำเป็น สำหรับวัคซีนล็อตต่อไป อาจมีการติดต่อหารือเพื่อแสวงหาวัคซีนจากประเทศอื่น ๆ เพื่อความรวดเร็วตามความต้องการ

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชานุญาตให้สามารถผลิตวัคซีนได้ ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้ปีละ 200 ล้านโดส และน่าจะเพียงพอต่อการแจกจ่ายวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ

รวมทั้งได้มีการอนุญาตให้ภาคเอกชน อาทิ โรงพยาบาลเอกชน สามารถจัดซื้อ จัดหาวัคซีนเองได้ แต่จะต้องผ่านมาตรฐานการรองรับ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมการใช้ เพื่อความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

“สิ่งที่สำคัญขณะนี้ คือ การจำกัดการแพร่ระบาดให้มากที่สุด และการนำตัวผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาควบคุมรักษาพยาบาล ขณะที่วัคซีนใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ยาและเวชภัณฑ์มีเพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วยไว้อยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

วัคซีนโควิด

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมเป็นกรณีเร่งด่วน โดยไทยได้เจรจาสั่งซื้อกับบริษัทซิโนแวค ไบโอเทคของจีน จำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนที่จะนำมาฉีดให้กับคนไทยต้องผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย.ของจีนก่อน และต้องให้ อย.ของไทยอนุมัติเพิ่มเติม

จากนั้น ในส่วนของการนำเข้าเป็นหน้าที่ขององค์การเภสัชกรรมดำเนินการ และให้กรมควบคุมโรคจัดซื้อ พร้อมกระจายสู่ประชาชนทั่วไป โดยมีวงเงิน 1,228 ล้านบาท ในการจัดซื้อวัคซีน 2 ล้านโดสเข้ามาโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้แบ่งเป็น 2 แสนโดสแรก จะนำเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ

ทั้งนี้ เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติงานภาคสนาม ในพื้นที่ที่ควบคุมสูงสุด เช่น สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี ประมาณ 20,000 คน และในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมีภาวะแทรกซ้อนสูง และกลุ่มจำเป็นอื่นๆ อีกประมาณ 180,000 คน
ส่วนวัคซีนล็อตต่อมา คือจำนวน 8 แสนโดส ในเดือนมีนาคม โดยจะนำมาฉีดเข็มที่ 2 ให้กับกลุ่มแรก จำนวน 2 แสนโดส และอีก 6 แสนโดส สำหรับกลุ่มในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ชายแดนภาคตะวันตกและภาคใต้ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆและ อสม.

จากนั้นในเดือนเมษายน จะได้รับวัคซีนอีกจำนวน 1 ล้านโดส โดยจะนำมาฉีดเข็มที่ 2 ให้กับกลุ่มที่ 2 จำนวน 6 แสนคน และอีก 4 แสนโดสที่เหลือจะฉีดให้กับบุคลากรอื่นๆเพิ่มเติม

นอกจากนี้ไทยจะได้รับวัคซีนที่สั่งจองไว้กับแอสตร้าเซนเนก้า อีก 26 ล้านโดส คาดว่าจะนำเข้ามาได้กลางปี 2564 ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติเพิ่มเติมให้จัดซื้อวัคซีนอีก 35 ล้านโดส เพื่อให้สามารถคุ้มครองคนไทยได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด ดังนั้นในปี 2564 ไทยจะมีวัคซีนทั้งหมด 63 ล้านโดส

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo