“กระทรวงพาณิชย์” เผยเงินเฟ้อเดือนธันวาคมติดลบ 0.27% ติดลบน้อยลงเป็นเดือนที่ 3 ดันทั้งปีติดลบตามคาดที่ 0.85% ปี 2564 คาดพลิกบวก 1.2 – 1.7%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ เงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลง 0.27% ติดลบน้อยลงเป็นเดือนที่ 3 ดีขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอาหารสด ความต้องการสูง รวมถึงราคาสุกรความต้องการบริโภคในตลาดต่างประเทศยังต้องการเพิ่มขึ้น
ขณะที่ราคากลุ่มพลังงานลดลงไม่ได้ขึ้น หรือลงมากนัก ส่วนสินค้าอุปโภค – บริโภคอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณสินค้า ความต้องการ แต่สินค้าโดยรวมไม่ได้มีการปรับขึ้นไปมากมีเพียงผักสดขึ้นเล็กน้อยตามฤดูกาล ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลัก ที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังติดลบต่อเนื่อง แต่น้อยลงเป็นเดือนที่ 3 มีปัจจัยมาจากปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ขณะนี้ความกังวลดังกล่าวเริ่มมีมากขึ้น จากการระบาดโควิดในรอบใหม่ ซึ่งน่าจะส่งผลในเดือนถัดไป และคงจะต้องติดตามผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบอัตราเงินเฟ้อ ในช่วงไตรมาสแรกปี 2564 ติดลบ และจะเป็นบวกในไตรมาสที่เหลือได้ แม้ว่าจะเกิดโควิดรอบใหม่ แต่ขณะนี้ ไม่มีการกักตุนสินค้าราคาสินค้าไม่สูงจึงทำให้ราคาสินค้า และบริการไม่ได้มีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นไปมากแต่อย่างใด
ขณะที่ปัจจัยบวกที่เสริมเข้ามากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง และชิบช้อปใช้ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากับมาคึกคักเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ เงินเฟ้อทั่วไป ตลอดทั้งปี 2563 ลดลง 0.85% โดยสนค.มองว่า จากปัจจัยลบด้านโควิด ที่ยังเป็นตัวฉุดความกังวลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวมอยู่ แต่จะมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาทั้งการให้เงินสู่ประชาชนบางกลุ่มจะทำให้กระตุ้นภาคเศรษฐกิจในการจับจ่ายใช้สอยในด้านต่าง ๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม สนค. คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ยังมองว่า เงินเฟ้อจะเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 – 1.7% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 0.7% ซึ่งมีปัจจัยจีดีพีของประเทศติดบวก 3.5 – 4.5% อัตราแลกเปลี่ยน 30.0 – 32.0 บาทต่อดอลลาร์ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 40 – 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะยังมีปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ แต่ก็เชื่อว่า หลายฝ่ายทั่วโลกกำลังรอข่าวดีเรื่องวัคซีน ที่จะใช้ป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดโควิดได้ในปี 64 จึงเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้นได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็คตัวเองด่วน!! ใครเคยไป 11 สถานที่นี้รีบเข้าคัดกรอง ‘โควิด’ เลย
- พิษโควิด-19 ‘ททท.’ จ่อปรับเป้าการท่องเที่ยว ลุ้น ‘คลัง’ ตั้งกองทุนเยียวยาธุรกิจ
- สรุป 7 วันอันตราย อุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง เสียชีวิต 392 ราย