Economics

เตือน ‘คนละครึ่ง’ รีบใช้จ่ายภายใน 14 ม.ค. ก่อนอดเงิน 3,500 บาท!

คนละครึ่งเฟส 2 “กระทรวงการคลัง” เตือนผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จรีบยืนยันตัวตนผ่านแอป “เป๋าตัง” หรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย และใช้จ่ายเงินภายในวันที่ 14 มกราคม 2564

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่โครงการ คนละครึ่งเฟส 2 ได้เปิดให้ประชาชนได้เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 นั้น จากข้อมูล ณ วันที่ 3 มกราคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งและโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 แล้วจำนวน 12,050,115 คน

โดยเป็นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้ได้รับสิทธิเดิมจำนวน 9,536,644 คน ใช้จ่ายสะสม 52,358.3 ล้านบาท และผู้ได้รับสิทธิใหม่จำนวน 2,513,471 คน ใช้จ่ายสะสม 1,073.6 ล้านบาท รวมยอดการใช้จ่ายสะสม 53,431.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 27,353.4 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 26,078.5 ล้านบาท

คนละครึ่งเฟส 2

โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช ตามลำดับ และมีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ขอให้เร่งดำเนินการและยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยสามารถดำเนินการผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่

  1. แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
  2. สาขาธนาคารกรุงไทย
  3. ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย

ทั้งนี้ สามารถค้นหาตำแหน่งของตู้เอทีเอ็มสีเทา โดยพิมพ์คำว่า “ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน” ใน Google Maps

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำคัญ คือ ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จทุกคน ต้องใช้จ่ายเงินผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการภายใน 14 วัน เพื่อรักษาสิทธิของท่าน หากไม่ใช้สิทธิ จะถูกตัดสิทธิทันที และไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ได้อีก ทั้งนี้ สามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

ส่วนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิม หากประสงค์จะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 500 บาท ตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ขอให้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยจะพบข้อความเตือน “ท่านได้รับสิทธิคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มูลค่า 500 บาท และสามารถใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564” และเมื่อกดปุ่ม “ยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ” จะได้รับสิทธิดังกล่าว

น.ส.กุลยา กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ขณะนี้มียอดผู้ลงทะเบียนมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ของรัฐบาลที่ไม่ผ่านคุณสมบัติอยู่จำนวน 4.9 แสนราย จากผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 5 ล้านราย โดยในจำนวน 4.9 แสนรายนั้น รัฐบาลจะนำมาพิจารณาเปิดให้มีการลงทะเบียนในรอบต่อไป โดยจะนำมารวมกับยอดที่เหลือจากคนละครึ่งในเฟสแรกอีกจำนวน 4.3 แสนราย และรวมกับผู้ที่ลงทะเบียนในเฟสที่ 2 ที่ไม่ใช้สิทธิภายใน 14 วัน นับจากวันที่ 1 มกราคม 2564

“เบื้องต้น เรามีจำนวนสิทธิที่จะพิจารณาเปิดรอบใหม่อีกประมาณ 1 ล้านราย โดยเป็นสิทธิที่เกิดจากการขาดคุณสมบัติ ของผู้ลงทะเบียนคนละครึ่งในเฟสแรก และเฟส 2 ถ้าหากจะมีมากกว่านี้ ก็จะเป็นยอดของผู้ที่ไม่มาใช้จ่ายตามกำหนด ภายใน 14 วันทำการ ซึ่งจะถือว่าเป็นการสละสิทธิ เราจะเริ่มรู้ยอดดังกล่าวนับจากวันที่ 14 มกราคม เป็นต้นไป หลังจากนั้น เราจะพิจารณาว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนรอบต่อไปอีกเมื่อไหร่” น.ส.กุลยา กล่าว

คนละครึ่งเฟส 2

สรรพากรยัน ‘คนละครึ่ง’ และ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ไม่ต้องเสียภาษี

ด้าน “กรมสรรพากร” รายงานว่า ตามที่มีสื่อมวลชนรายงานข่าวว่าประชาชนที่ได้รับเงินจากโครงการ “คนละครึ่ง” จำนวน 3,000 บาท ในปี 2563 และโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่ได้รับส่วนลดค่าที่พักโรงแรม และคูปองค่าอาหาร ให้ถือเป็นรายได้ที่ต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้ นั้น

นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับประชาชนที่ได้รับเงินจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยให้กรมสรรพากรยกร่างกฎหมายเสนอต่อไป

แต่เนื่องจากมีการขยายมาตรการหลายครั้ง จึงต้องประมวลมาตรการทั้งหมดเพื่อร่างกฎหมายเสนอกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรีในคราวเดียว โดยจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับในปีภาษี 2563 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2564 และเงินได้ที่ได้รับในปีภาษี 2564 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2565 ด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo