Business

เดือดร้อนหนัก! ‘สมาคมภัตตาคารไทย’ ยื่นจม.ถึง ‘นายกฯ’ ขออย่าห้ามนั่งกินที่ร้าน

“สมาคมภัตตาคารไทย ” ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง นายกฯ วอนอย่าห้ามนั่งกินที่ร้าน หวั่นกระทบธุรกิจวงกว้าง ทำให้มูลค่าธุรกิจร้านอาหารไทยหายไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้าน

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2564 นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อมูลเรื่องผลกระทบโควิด -19 ที่มีคำสั่งให้ปิดร้านอาหารจากประกาศของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ว่า อาจมีมาตรการห้ามนั่งรับประธานอาหารในร้านอาหาร โดยจะต้องซื้อกลับเท่านั้น ทางสมาคมขอเรียนชี้แจง ให้เข้าใจเพื่อยกเลิกมาตราการและคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากร้านอาหารเป็นธุรกิจSME และMICRO SME ซึ่งมีมูลค่าธุรกิจ 4 แสนล้านบาทต่อปี จากประกาศดังกล่าวจะทำให้มูลค่าธุรกิจร้านอาหารไทยหายไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้าน และจะทำให้มีผลกระทบเป็นห่วงลูกโซ่ ดังนี้

1. อัตราการจ้างงานซึ่งจะทำให้พนักงานตกงานทันทีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากการกลับมาเปิดธุรกิจร้านอาหารได้มีการว่าจ้างแรงงานกลับเข้าระบบได้เป็นจำนวนมากแต่จากประกาศวันที่ 1 มกราคม 2564 จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานอีกครั้ง

2. ผลกระทบกับสินค้าภาคการเกษตรกร ซึ่งร้านอาหารต้องใช้วัตถุดิบจากภาคเกษตรกรจำนวนมหาศาลซึ่งจะต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งจากคำสั่งวันที่ 1 มกราคม 2564 จะมีผลทำให้รายได้ของภาคเกษตรกรลดลงเช่นกัน

3. จะมีผลกระทบเรื่องการจัดเก็บภาษี,vat และเงินประกันสังคมของภาครัฐบาลที่หายไปอีกครั้ง

อาหาร11

ธุรกิจร้านอาหารทั้งในส่วนภัตตาคารและร้านอาหารขนาดเล็กรวมไปถึงร้านอาหารตามริมข้างทางได้ปฎิบัติตามมาตราการป้องกันโวิด-19 จากคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขด้วยความเคร่งครัดมาโดยตลอดรวมไปถึงร้านอาหารขนาดใหญ่และขนาดกลางได้เข้าร่วมอบรมและเรียนรู้จนได้สัญลักษณ์ SHA เกิน 80% และผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดยังตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานที่ปฎิบัติงานในร้านด้วยการเพิ่มมาตราการเสริมเข้าไปมากขึ้นกว่าคำสั่งของสาธารณสุขด้วยเช่น

1. จัดให้มีการเช็คอินก่อนเข้ารับบริการที่ร้านด้วยแอปพลิเคชันไทยชนะ

2. ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งพนักงานและลูกค้าก่อนเข้าร้าน

3. ทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้ด้วยแอลกอฮอล์ ทุกครั้งเมื่อมีลูกค้าใช้เสร็จ

4. แจกแอลกอฮอล์ล้างมือทุกครั้งเมื่อมาใหม่

5. จัดให้พนักงานทั้งส่วนหน้า,ส่วนหลัง และในครัวมีการใส่ถุงมือยางและผ้าปิดปากตลอดเวลาที่มีการปฎิบัติงาน

6. มีการถูพื้นด้วยน้ำยากำจัดเชื้อโรค ทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมง

7. จัดตารางทำความสะอาดห้องน้ำและถูพื้นด้วยน้ำยากำจัดเชื้อโรค ทุกๆ 2 ชั่วโมง

8. ร้านที่มีประตู ให้เช็ดมือจับด้วยแอลกอฮอล์ ทุกครั้งที่มีการสัมผัส

9.  แจกช้อนกลางส่วนตัวให้ลูกค้าเพื่อลดการสัมผัสภาชนะร่วมกัน

10. ร้านอาหารที่มีเครื่องปรับอากาศ ทางร้านจะทำความสะอาดทุกๆ 4 ชั่วโมง

จากการปฎิบัติตามมาตราการที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดมีผลสะท้อนให้เห็นว่า การระบาดCOVID-19 รอบสองในครั้งนี้ไม่ได้มีมูลเหตุหรือต้นตอมาจากร้านอาหารเลย แต่แท้จริงการระบาดรอบสองมาจากกลุ่มธุรกิจที่ผิดกฎหมายทั้งหมดเพราะไม่การปฎิบัติตามมาตราการ

ทางสมาคมภัตตาคารไทยจึงใคร่ขอความกรุณานายกรัฐมนตรีและศบค. ใด้ ช่วยพิจารณาไม่ออกมาตรการห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหาร​ ดังที่แถลงข่าวไว้ในวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยให้ร้านอาหารสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติดังเดิม อย่างไรก็ตาม จดหมายดังกล่าวได้ยื่นผานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยไปแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight