Politics

ศบค.เตือนอย่ากักตุน! เปิดมาตรการคุมโควิด เน้นปิดสถานที่สกัดแพร่ระบาด

ศบค.เตือนอย่ากักตุน! เปิดมาตรการ หลัง ศบค.ยกระดับ เพิ่มจังหวัดควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เน้นควบคุมสถานที่เสี่ยงปิดบางสถานที่ ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชี้ไม่ใช่คำว่า”ล็อกดาวน์”

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) กล่าว ที่ประชุม ได้สรุปสถานการณ์ เพื่อใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก  ได้เตรียมเสนอให้มีการลงนามในประกาศยกระดับ พื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ได้แก่ ตาก นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ จันทรบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง ชุมพร ระนอง กรุงเทพ พื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี พังงา โดยขั้นตอนหลังลงนามจะมีผลวันที่ 4 ม.ค. นี้

พื้นที่ควบคุม2

สำหรับมาตรการที่จะเกิดขึ้น 2 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 จำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการ ปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ค้นหาและจับกุมกลุ่มบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ขอความร่วมมือไม่เดินทางข้ามจังหวัด สถานการศึกษาหยุดการเรียน การสอน หรือใช้รูปแบบออนไลน์ ให้ทำงานแบบ Work from home ทั่วทั้งพื้นที่ ที่ศบค.กำหนด มีมาตรการควบคุมการเดินทางของบุคคลที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด เร่งการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก และการสอบสวนโรคในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ และพื้นที่เชื่อมโยง ที่ได้ข้อมูลจากการสอบสวนโรคของกระทรวงสาธารณสุข ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 4 ม.ค.-1 ก.พ. 2564

ขั้นที่ 2 จำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการเพิ่มขึ้น รวมทั้งจำกัดการเปิดกิจการบางประเภท ปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพิ่มความเข้มข้นในการเร่งค้นหา และจับกุมบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย, งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก, เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัด, เร่งรัดและเพิ่มการทำงานแบบ Work from home  เต็มขีดความสามารถ, เร่งรัดการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก และการสอบสาวนโรคในพื้นที่เสี่ยง, กิจกรรม กิจการที่เสี่ยง,กลุ่มบุคคลที่เสี่ยง,จำกัดเวลาเข้าออกเคหะสถาน ในพื้นที่ ศปก.จังหวัดกำหนด

นพ.ทวีศิลป์  กล่าวว่า ไม่ใช้คำว่า“ล็อกดาวน์” และอาจจะไม่มีการ“ประกาศเคอร์ฟิว” ที่ผ่านมา ก็มีคนที่ตั้งใจกระทำความผิด แต่คนเดือดร้อน เป็นคนปกติ ที่ต้องลำบาก  มีผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก หากนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ จะลงนามประกาศ มีผลวันที่ 4 ม.ค.2564 เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัว ย้ำว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องกักตุนอะไร แต่เป็นการควบคุมให้ผู้ไม่ร่วมมือ ทำตามให้มากที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight