Finance

ก.ล.ต.ลงโทษปรับ 5.13 ล้าน ผู้บริหาร 3 ราย ใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น UVAN  

ก.ล.ต.ปรับผู้บริหาร UVAN กับพวก รวม 3 ราย เป็นเงิน 5.13 ล้านบาท กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น พร้อมห้ามนั่งกรรมการบริษัท 14 เดือน

ก.ล.ต.ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 3 ราย คือ  (1) นางจันทร์ทิพย์ วานิช กรณีซื้อขายหุ้นบริษัทยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (UVAN) โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน (2) นางสาวอมรรัตน์ เกษมศักดากร กรณีช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นในการซื้อขายหุ้น UVAN และ (3) นางสาววลัยลักษณ์ ปฐมรังษิยังกุล กรณีช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นในการซื้อหุ้น UVAN

โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมจำนวน 5,132,632.50 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้ง 3 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2560 – กุมภาพันธ์ 2561 นางจันทร์ทิพย์ วานิช กรรมการของ UVAN รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานปี 2560 ของ UVAN ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ที่มีกำไรรายไตรมาสสูงสุดในรอบ 3 ปี และ
ได้ซื้อหุ้น UVAN ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวอมรรัตน์ เกษมศักดากร และนางสาววลัยลักษณ์ ปฐมรังษิยังกุล จำนวนรวม 1,286,700 หุ้น ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ทำให้นางจันทร์ทิพย์ได้ประโยชน์จากการซื้อหุ้นดังกล่าว และพบว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2561

นางจันทร์ทิพย์รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิลดลงจำนวนมาก และนางจันทร์ทิพย์ได้ขายหุ้น UVAN ระหว่างวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2561 โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวอมรรัตน์ จำนวน 314,500 หุ้น ทำให้ได้ประโยชน์จากการหลีกเลี่ยงผลขาดทุน ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561

การกระทำของนางจันทร์ทิพย์เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
(พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 มาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมี
บทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 และการกระทำของนางสาวอมรรัตน์ และนางสาววลัยลักษณ์ซึ่งได้กระทำการอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่
นางจันทร์ทิพย์ในการกระทำความผิดตามที่บัญญัติในมาตรา 242(1) เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 315ประกอบมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ที่แก้ไขฉบับที่ 5

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่ง
มาใช้บังคับกับนางจันทร์ทิพย์ นางสาวอมรรัตน์ และนางสาววลัยลักษณ์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด โดยในส่วนของนางจันทร์ทิพย์ คิดเป็นเงินรวม 3,388,672.50 บาท นางสาวอมรรัตน์ คิดเป็นเงินรวม 1,121,980 บาท  และนางสาววลัยลักษณ์ คิดเป็นเงินรวม 621,980 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำผิดทั้ง 3 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ โดยในส่วนของนางจันทร์ทิพย์ เป็นเวลา 14 เดือน นางสาวอมรรัตน์ และนางสาววลัยลักษณ์ เป็นเวลารายละ 9 เดือน

การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิด
ลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ทั้งนี้ ค.ม.พ. วางแนวทางให้ ก.ล.ต. ร้องขอต่อศาลเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

 

Avatar photo