กรมการเงินสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) ประกาศวันนี้ (12 ต.ค.) เพิ่มความเข้มงวดในนโยบายการเงินสิงคโปร์ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ คาดเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อหลักจะขยับสูงขึ้น
เอ็มเอเอส หรือธนาคารกลางสิงคโปร์ ซึ่งบริหารนโยบายผ่านอัตราแลกเปลี่ยน แทนดอกเบี้ย ออกแถลงการณ์นโยบายล่าสุด ระบุว่า จะปล่อยให้เงินดอลลาร์สิงคโปร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในการปรับมาตรการอย่างระมัดระวังในนโยบายการเงินของประเทศ
“เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า และสามารถรักษาระดับผลผลิตให้อยู่เหนือศักยภาพเล็กน้อย”
เอ็มเอเอส บอกด้วยว่า การปรับนโยบายครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายการปล่อยค่าเงินให้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะรับประกันถึงเสถียรภาพราคาในระยะกลาง
หลังการประกาศดังกล่าว เงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ระดับ 1.3743 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบัน เอ็มเอเอสบริหารค่าเงินแบบลอยตัว ปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ของดอลลาร์สิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ในแบนด์นโยบายที่ไม่มีการเจาะจง และจะมีการปรับเปลี่ยนแบนด์การเคลื่อนไหวขึ้นลง เมื่อต้องการปรับระดับการแข็งค่า หรืออ่อนค่าของค่าเงินเท่านั้น
การตัดสินใจเพิ่มความคุมเข้มในนโยบายการเงินครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้แล้ว โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากการที่เอ็มเอเอสปล่อยให้แบนด์นโยบายของค่าเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 0% เพื่อให้เงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย อย่างค่อยเป็นค่อยไป และเป็นการเพิ่มการคุมเข้มด้านนโยบายการเงินเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ท่าทีล่าสุดของเอ็มเอเอส ยังเกิดขึ้น แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของทางการจะแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ชะลอการเติบโตลงมาอยู่ที่ 2.6% ต่อปี ในไตรมาส 3 ปีนี้ ลดลงจากระดับ 4.1% ในไตรมาสก่อนหน้า
เอ็มเอเอสยังแสดงความเชื่อมั่นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างจะยืดหยุ่น แต่ยังระมัดระวังถึงเรื่องความขัดแย้งทางการค้า ระหว่างประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ที่อาจส่ร้างแรงกดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกมากขึ้นในปีหน้า
