Business

ลงทะเบียน ‘คนละครึ่ง’ รอบ 2 รีบยืนยันตัวตน ใช้สิทธิ ก่อนเสียสิทธิ

ลงทะเบียน คนละครึ่ง รอบ 2 ได้สิทธิแล้ว รีบยืนยันตัวตน เพื่อใช้สิทธิให้ทัน วันที่ 14 มกราคม 2564 ก่อนจะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติ

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากเปิดให้ประชาชน ลงทะเบียน คนละครึ่ง รอบ 2 จำนวน 5 ล้านสิทธิ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นั้น กระทรวงการคลัง ได้ส่งข้อความ SMS แจ้งยืนยันสิทธิให้แก่ผู้ได้รับสิทธิแล้วทุกราย

ลงทะเบียน คนละครึ่ง รอบ 2

ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ได้รับสิทธิจำนวนที่เหลือ รีบยืนยันตัวตนโดยเร็ว ซึ่งหากติดตั้งแอปพลิเคชัน ” เป๋าตัง ” และยืนยันตัวตนครบถ้วนตามขั้นตอนแล้ว จึงจะสามารถใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ได้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2564 โดยได้รับสิทธิในวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐ วันละไม่เกิน 150 บาท รวมไม่เกิน 3,500 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ

ปัจจุบันพบว่า มีผู้เข้ามายืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว ประมาณ 75% ซึ่งหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ภายใน 14 วัน คือ ภายในวันที่ 14 มกราคม 2564 มิฉะนั้น จะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการ โดยอัตโนมัติ

สำหรับผู้ได้รับสิทธิ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 สามารถเลือกยืนยันตัวตนได้ หลายช่องทาง ตามความสะดวก ได้แก่

  • ยืนยันตัวตน ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง
  • ยืนยันตัวตน ณ สาขาธนาคารกรุงไทย
  • ยืนยันตัวตน โดยใช้บัตรประชาชน ณ ตู้เอทีเอ็มสีเทาของ ธนาคารกรุงไทย (สามารถค้นหาตำแหน่งของตู้เอทีเอ็มสีเทา โดยพิมพ์คำว่า “ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน” ใน Google Map)

ในส่วนของ ผู้ได้รับสิทธิเป๋าตัง กลุ่มเดิม ทุกคน สามารถใช้สิทธิ ในวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐ ตามจำนวนสิทธิคงเหลือของตนได้ถึง 31 มีนาคม 2564

แต่หากประสงค์จะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 500 บาท ตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ขอให้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน เป๋าตัง โดยจะพบข้อความเตือน ” ท่านได้รับสิทธิคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มูลค่า 500 บาท และสามารถใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 ” ซึ่งจะต้องกดปุ่ม ” ยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ ” ก่อน จึงจะได้รับสิทธิในวงเงินส่วนเพิ่ม จำนวน 500 บาท

ขณะที่ ความคืบหน้าล่าสุดของ โครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2563 เวลา 21.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้ว จำนวน 9,565,644 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 49,049.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 25,100.5 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 23,949.2 ล้านบาท

จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า ยังคงสมัครเข้าร่วมโครงการ ได้อย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo