กระทรวงการคลัง มั่นใจเศรษฐกิจปี 2564 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้แน่นอน จ่อปรับประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ ม.ค.นี้ เชื่อ “โควิด” ระบาดรอบใหม่ ไม่รุนแรงเท่ารอบแรก
นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้แน่นอน จากทิศทางเศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลก ที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลดี กับภาคการส่งออกของไทย อีกทั้งข่าวดีเรื่องความสำเร็จของวัคซีนโควิด-19
ทั้งนี้ คลังจะมีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2563 และปี 2564 ใหม่อีกครั้งในเดือน มกราคม 2564 ซึ่งจะต้องมีการทบทวนสมมุติฐานที่มีผลกับเศรษฐกิจทั้งหมด อาทิ การท่องเที่ยว ราคาน้ำมัน และตัวเลขส่งออก เป็นต้น
สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยนั้น ในมุมของเศรษฐกิจ ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า จะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับมาตรการในการจำกัดการแพร่ระบาด รวมถึงต้องติดตามดูว่ารัฐบาลจะมีการประกาศล็อกดาวน์อีกครั้งหรือไม่ จึงต้องติดตามดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง จึงจะประเมินได้ว่า ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะมีผลกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างไร
ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2563 อาจจะยังไม่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจมากนัก โดยมองว่า การระบาดในรอบนี้ จะส่งผลกระทบไม่หนักเท่ารอบแรก แม้ว่ารัฐบาลจะมีการล็อกดาวน์ หรือไม่ล็อกดาวน์ก็ตาม เพราะในรอบนี้ผู้ประกอบการและประชาชน มีการเตรียมความพร้อมรับมือได้ดีกว่ารอบแรก แต่ก็ต้องติดตามดูสถานการณ์รวมถึงมาตรการจากภาครัฐ
“เรื่องนี้หลัก ๆ เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ ก็ต้องดูว่า ในแง่ของไทยจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีแค่ไหน ถ้าคุมไม่ได้ก็จะลำบากและกลายเป็นปัจจัยลบกับเศรษฐกิจ แต่ถ้าควบคุมได้ดี ปีหน้าเศรษฐกิจไทยก็จะได้ประโยชน์” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
นายวุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน พฤศจิกายน 2563 พบว่า ยังมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์ หดตัวในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ติดลบ 3.7% จากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดคู่ค้าหลักของไทยเกือบทุกตลาดปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวที่ 2.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.4 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 50.9 โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน
เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐในช่วงปลายปี อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนการบริโภคให้ปรับตัวดีขึ้น
ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 2 รีบยืนยันตัวตน
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จำนวน 5 ล้านสิทธิ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นั้น
กระทรวงการคลังได้ส่งข้อความ SMS แจ้งยืนยันสิทธิให้แก่ผู้ได้รับสิทธิแล้วทุกราย ซึ่งหากติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และยืนยันตัวตนครบถ้วนตามขั้นตอนแล้ว จึงจะสามารถใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ได้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2564 โดยได้รับสิทธิในวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐวันละไม่เกิน 150 บาท รวมไม่เกิน 3,500 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ
ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่า มีผู้เข้ามายืนยันตัวตนสำเร็จแล้วประมาณ 75% จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ได้รับสิทธิจำนวนที่เหลือรีบยืนยันตัวตนโดยเร็ว
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 สามารถเลือกยืนยันตัวตนได้หลายช่องทางตามความสะดวก ได้แก่
- ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
- ยืนยันตัวตน ณ สาขาธนาคารกรุงไทย
- ยืนยันตัวตนโดยใช้บัตรประชาชน ณ ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย (สามารถค้นหาตำแหน่งของตู้เอทีเอ็มสีเทา โดยพิมพ์คำว่า “ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน” ใน Google Map)
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ภายใน 14 วัน คือ ภายในวันที่ 14 มกราคม 2564 มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติ
สำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิมทุกคน สามารถใช้สิทธิในวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐตามจำนวนสิทธิคงเหลือของตนได้ถึง 31 มีนาคม 2564 แต่หากประสงค์จะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 500 บาท ตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ขอให้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยจะพบข้อความเตือน “ท่านได้รับสิทธิคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มูลค่า 500 บาท และสามารถใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564” ซึ่งจะต้องกดปุ่ม “ยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ” ก่อน จึงจะได้รับสิทธิในวงเงินส่วนเพิ่มจำนวน 500 บาท
ด้านความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2563 เวลา 21.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,565,644 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 49,049.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 25,100.5 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 23,949.2 ล้านบาท
โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รอเลย!! คลังจ่อเปิดลงทะเบียน ‘คนละครึ่ง’ รอบใหม่อีกล้านสิทธิ
- ตลท. ตรวจสอบไม่พบความผิดปกติ ‘หุ้น DELTA’ การซื้อขายยังกระจายตัว
- นกแอร์ระทึก! ผู้โดยสารเที่ยวบิน DD7410 ‘ดอนเมือง-ตรัง’ วันที่ 23 ธ.ค.เช็คด่วน