Economics

เปิดกลยุทธ์ลงทุนทองคำปี 64 ชี้มีโอกาสพุ่งแตะ 1,950-2,000 ดอลลาร์

กลยุทธ์ลงทุนทอง คำปี 2564 เน้นทำกำไรระยะสั้น ตั้งจุดขาดทุนประกอบการลงทุนทุกครั้ง ด้าน “วายแอลจี” เปิด 5 ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ “ตลาดทองคำ” ปี 2564 มองยังมีโอกาสแตะ 1,950 – 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

วายแอลจี ประเมินตลาดทองคำปี 2564 ยังคงคึกคักต่อเนื่องจากปี 2563 คาด ราคาทองคำ มีโอกาสแตะ 1,950 – 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมเผย 5 ปัจจัยส่งผลต่อตลาดทองคำปี 2564 ทั้งการระบาดของ COVID-19, นโยบายดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางทั่วโลก, การทำ QE ของเฟดและการดำเนินมาตรการกระตุ้นศก.ทางการคลังของสหรัฐ เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยมีประเด็นค่าเงินบาทที่ยังต้องจับตาใกล้ชิด แนะนักลงทุนเทรดทองคำในรูปดอลลาร์ปิดความเสี่ยงค่าเงิน

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ปี 2564 ทองคำจะยังคงมีความคึกคัก ต่อเนื่องมาจากปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ราคาทองคำ ปรับขึ้นมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์ลงทุนทอง
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงท้ายปี จะเริ่มมีการขายทำกำไรออกมา แต่ภาพรวมเมื่อเทียบกับราคาช่วงต้นปี ที่เปิดตลาดที่ 1,517 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ยังถือว่าราคาปรับขึ้นมาสูงมาก

ทั้งนี้ YLG ได้ประเมินทิศทางราคาทองคำปี 2564 ไว้ว่ายังมีโอกาสทดสอบระดับ 1,950 – 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเฉพาะหากสามารถผ่าน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จะเป็นสัญญาณชี้ชัดว่า ราคาทองคำ จะมีโอกาสทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยขึ้นไปทดสอบในช่วงเดือน สิงหาคม

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำในปี 2564 YLG ได้ประเมินไว้ 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1. การระบาดของ COVID – 19 ที่ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อ แม้จะมีความคืบหน้า เกี่ยบกับวัคซีนออกมา แต่ตัวเลขการระบาดยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ยังเต็มไปด้วยความผันผวน ซึ่งจะความต้องการทองคำ ที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจึงยังคงมีต่อไป

2. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณผ่อนคลาย นโยบายการเงินต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 โดยคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0 – 0.25% ซึ่งการส่งสัญญาณของเฟด จะมีผลต่อธนาคารกลางทั่วโลก ที่จะดำเนินนโยบายไปในทางเดียวกัน ปัจจัยนี้ จะส่งผลให้มีเงินไหลเข้าตลาดทองคำ เพราะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาส ในการถือครองทรัพย์สิน ที่ได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทน ในรูปแบบของดอกเบี้ย จึงได้รับความสนใจต่อไป จนกว่าอัตราดอกเบี้ยจะกลับมาเป็นขาขึ้น

3. เฟดยังคงทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แบบไม่จำกัดปริมาณ ส่วนรัฐบาลสหรัฐยังมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังต่อไป ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจะส่งผลกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน

4. ธนาคารกลาง ยังคงเข้าซื้อทองคำ แม้ปีที่แล้ว จะเห็นธนาคารบางประเทศ ขายทองคำออกมาบ้าง แต่โดยรวมแล้ว เหล่าธนาคารกลาง ยังมีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วน การถือครองทองคำ ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงต่อไป อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การถือครองทองคำของกองทุน SPDR เพราะแม้ SPDR จะยังคงถือครองทองคำเพิ่มขึ้นในปี 2563 มีการถือครองทองคำเพิ่มมากกว่า 270 ตัน แต่เริ่มเห็นการทยอยลดการถือครองทองคำ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ดังนั้น หากกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำต่อเนื่องในปีหน้า อาจเป็นสัญญาณที่นักลงทุน ต้องระมัดระวังในการถือครองทองคำ กลับกันหากมีการกลับมาเข้าซื้อ ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่หนุนราคาทองคำในปี 2564 ได้

กลยุทธ์ลงทุนทอง

5. ความขัดแย้งในประเทศต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่ยังไม่น่าจะคลี่คลายในระยะเวลาอันใกล้ แม้ว่าสหรัฐ จะมีประธานาธิบดีคนใหม่ ที่มีนโยบายประนีประนอมมากขึ้น แต่ประเด็นความขัดแย้งเหล่านี้ ก็ยังถือเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลต่อภาพการลงทุนได้ ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้ จะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน

YLG ประเมินว่า ราคาทองคำ จะยังคงเป็นขาขึ้นไปอีก 1-2 ปี แต่นักลงทุน ควรติดตามข่าวสารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการกระจายวัคซีนต้าน COVID-19 ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง จนทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก เร็วกว่าที่คาด จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เหล่าธนาคารกลาง โดยเฉพาะ “เฟด” กลับมาคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำ

ส่วน กลยุทธ์ลงทุนทอง ที่เหมาะสมกับปี 2564 คือ การเน้นทำกำไรระยะสั้น ตามแนวโน้มหลักของราคาทองคำ และตั้งจุดขาดทุนประกอบการลงทุนทุกครั้ง ส่วนพอร์ตการถือครองทองคำที่ดีนั้น ควรอยู่ที่ 5 – 10% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด หรือหากใครที่รับความเสี่ยงได้มากก็สามารถถือได้ถึง 15% เพื่อกระจายความเสี่ยง สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยนั้น ยังคงมีปัจจัยเรื่องค่าเงินบาท เข้ามาเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK