เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 ข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กนง. และ รมว.คลัง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 28/8 แห่ง พ.ร.บ. ธปท. พ.ศ. 2485 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. ธปท. พ.ศ. 2485 (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 28/8 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 สรุปได้ ดังนี้
1. กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2564
2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กนง. ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 โดยข้อตกลงดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 หลักการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น
บริบทของเศรษฐกิจโลกและไทยที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไทยในระยะข้างหน้าเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงทั้งจากปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทาน ได้แก่
- เศรษฐกิจโลกและไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้าตามการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เผชิญข้อจำกัดมากขึ้นจากมาตรการควบคุมการระบาด
- ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่อาจส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อาทิ แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ E-Commerce และการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงานในกระบวนการผลิต (Automation) หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อให้ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรงและยังมีความไม่แน่นอนสูง กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะได้มีความร่วมมือในการดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินให้มีความสอดประสานกันมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายการเงิน ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นเอื้อให้ กนง. สามารถพิจารณานโยบายการเงินได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงินของไทยที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า โดยในปัจจุบัน กนง. ยังคงให้น้ำหนัก กับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลาง และการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ในการตัดสินนโยบายการเงินแต่ละครั้ง กนง. จะพิจารณาความสำคัญของเป้าหมายด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของการดำเนินนโยบายการเงินในแต่ละทางเลือก (Policy Trade-off) ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงพร้อมใช้เครื่องมือในการดำเนินนโยบายการเงินต่างๆ ที่มีอยู่ในลักษณะผสมผสาน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
2.2 เป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2564
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. มีข้อตกลงร่วมกันโดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1 – 3% เป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2564 โดยอัตราเงินเฟ้อในช่วงดังกล่าวเป็นระดับที่เหมาะสมกับพลวัตเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพของระบบเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ เป้าหมายแบบช่วงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้โลกที่ผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูงหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับสามารถดูแลเป้าหมายด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพระบบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายระยะปานกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับประสิทธิผลการดำเนินนโยบายการเงินที่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านผลไปยังภาคเศรษฐกิจจริง
2.3 การติดตามความเคลื่อนไหวของเป้าหมายของนโยบายการเงิน
กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย จะหารือร่วมกันเป็นประจำและ/หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่นตามที่ทั้งสองหน่วยงานจะเห็นสมควร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้การดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินเป็นไปในทิศทางที่สอดประสานกัน
กนง. จะจัดทำรายงานผลการดำเนินนโยบายการเงินทุกครึ่งปี ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ
- การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา
- แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป
- การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบ รวมถึงจะเผยแพร่รายงานนโยบายการเงินทุกไตรมาสเป็นการทั่วไป อันจะช่วยเพิ่มการรับรู้ของสาธารณชนถึงแนวทางการตัดสินนโยบายการเงินของ กนง. ซึ่งจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
2.4 การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปออกนอกกรอบเป้าหมาย
กนง. ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในระยะต่อไปจะผันผวนจากความไม่แน่นอนของราคาพลังงานและราคาอาหารสด ความเสี่ยงจากต่างประเทศโดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา และมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ดังนั้น หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยจะชี้แจงถึง
- สาเหตุของการเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายดังกล่าว
- แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาและในระยะต่อไปเพื่อนำอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม
- ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย นอกจากนี้ กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทุก 6 เดือน หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยตามแนวทางข้างต้นยังคงอยู่นอกกรอบเป้าหมาย และจะรายงานความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเป็นระยะตามสมควร
2.5 การแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. อาจตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงินได้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- SCB EIC คาด ‘กนง.’ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ยาวถึงสิ้นปี 2021
- ตามคาด! กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%
- ลูกหนี้ต้องรู้! ปรับเกณฑ์คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่ ลดหนี้เสีย เป็นธรรม