World News

อลหม่าน! หลายรัฐ ‘ออสเตรเลีย’ ปิดพรมแดนติด ‘ซิดนีย์’ หลังเจอป่วยโควิด-19 พุ่ง

อลหม่าน! หลายรัฐ “ออสเตรเลีย” ปิดพรมแดนติด “ซิดนีย์” หลังเจอป่วย โควิด-19 พุ่งทางตอนเหนือของเมือง หวั่นแพร่เชื้อวงกว้าง

หลายรัฐของออสเตรเลียสั่งปิดพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดกั้นการเดินทางของประชาชนในนครซิดนีย์ หลังยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทางตอนเหนือของซิดนีย์เพิ่มขึ้น 15 ราย เป็น 83 ราย ในวันนี้ (21 ธ.ค. 63) ซึ่งทำให้ผู้นำแต่ละรัฐต่างกังวลว่า การติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ใดแล้วบ้าง

โควิด-19 ออสเตรเลีย

รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียประกาศปิดชายแดนกับ รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งมีซิดนีย์เป็นเมืองเอกอีกครั้ง พร้อมปฏิเสธรับประชาชนที่เดินทางมาจากรัฐนิวเซาธ์เวลส์ทั้งหมดที่ไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายเข้าสู่รัฐ เพื่อป้องกัน โควิด-19

ด้านรัฐวิกตอเรียและควีนส์แลนด์ประกาศปิดชายแดนกับภูมิภาคเกรตเทอร์ ซิดนีย์ โดยให้เวลาประชาชนจากพื้นที่ดังกล่าวเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนภายในวันนี้ ก่อนที่ข้อจำกัดจะเริ่มมีผลบังคับใช้

ส่วนรัฐเซาธ์ออสเตรเลียและแทสมาเนียบังคับใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวดน้อยกว่า โดยกำหนดให้ประชาชนที่เดินทางมาจากภูมิภาคเกรตเทอร์ ซิดนีย์ กักตัวเป็นเวลา 14 วันหลังเดินทางมาถึง

ภูมิภาคนอร์ธเทิร์นบีชเชส ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของซิดนีย์และเป็นต้นตอการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อนในครั้งนี้  ยังคงบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันพุธ (23 ธ.ค. 63) ขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกร้องให้ประชาชนในเขตเกรตเทอร์ ซิดนีย์ ลดการเดินทาง

สถานการณ์ของนอร์ธเทิร์นบีชเชสคล้ายคลึงกับรัฐนิวเซาธ์เวลส์ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดระยะแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2563 โดยประชาชนสามารถออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ซื้อของที่จำเป็น ให้บริการดูแลผู้อื่น หรือออกกำลังกายคนเดียวในเวลาสั้นๆ เท่านั้น

เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 63) รัฐนิวเซาธ์เวลส์ตรวจเชื้อให้ประชาชนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 38,578 ราย ขณะที่กลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีของรัฐให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า อาจมีการยกระดับข้อจำกัดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หากยอดผู้ป่วยโรค โควิด-19 รายใหม่ในสัปดาห์หน้าเพิ่มขึ้น

 

คนออสซึ่พร้อมทุ่มเงินซื้อ “วัคซีน โควิด-19”

ด้านผลสำรวจระหว่างประเทศที่จัดทำโดยซีที กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติออสเตรเลีย พบว่าชาว ออสเตรเลีย ส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเงินซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เพื่อที่จะได้รับวัคซีนตั้งแต่เนิ่นๆ

ออสเตรเลีย

ผลสำรวจพบว่า ชาวออสเตรเลีย 72% ยินดีเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขนี้ของชาวอเมริกันอยู่ที่ 57% โดยชาวออสเตรเลีย 12% ระบุว่าตนยินดีจ่ายเงินเท่าใดก็ได้เพื่อได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่แรกๆ ขณะที่ชาวออสเตรเลียอีก 43% ระบุว่ายินดีจ่ายเงินมากถึง 170 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 3,800 บาทเพื่อรับวัคซีนดังกล่าว

รัฐบาลออสเตรเลียประกาศมาแล้วหลายครั้งว่า จะไม่เก็บค่าใช้จ่ายสำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่จะเริ่มแจกจ่ายในหลายระยะ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2564 โดยผู้สูงอายุ ผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีน

ชาวออสเตรเลียที่ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่ง ระบุว่าการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ควรเป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถเลือกได้ ขณะที่ชาวออสเตรเลีย 40% ระบุว่าควรเป็นมาตรการบังคับ

โควิด-19

มีชาวออสเตรเลีย 43% ที่คาดว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอกถัดๆ ไป ขณะที่สัดส่วนนี้ของชาวอเมริกันและชาวสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 75% และ 73% ตามลำดับ

แคธรีน ดักลาส ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการวิจัยและแคมเปญประจำออสเตรเลียของซีที กรุ๊ป ระบุว่าชาวออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำงานร่วมกันได้ในระหว่างเกิดการแพร่ระบาดและตนภูมิใจอย่างมากต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

ดักลาสเสริมว่า ชาวออสเตรเลียส่งเสริมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างรอบคอบ และต้องการความมั่นใจว่า วัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก่อนที่จะยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่งานวิจัยก็ชี้ว่า ผู้คนยังไม่พร้อมกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนตอนก่อนที่โรคจะระบาด

21 Dec Total increase 01

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ 21 ธันวาคม 2563 นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 77,166,774 คน รักษาตัวหายแล้ว รวม 54,085,819 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่  1,699,497 ราย

ทางด้าน อินเดีย ประเทศที่มี ผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 มากสุด เป็นอันดับ 2 ของโลก มียอดติดเชื้อโควิดที่ 10,056,248 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 24,589 คน ส่วนยอดสะสมผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของอินเดีย ล่าสุดอยู่ที่ 145,843 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 330 ราย

ขณะที่บราซิลรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 25,445 คน ทำให้มียอดสะสม ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดอยู่ที่ 7,238,600 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิต อยู่ที่ 186,773 ราย เพิ่มขึ้น 417 ราย

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo