Business

พาณิชย์ ประเดิม ‘มินิเอฟทีเอ’ ไทย-รัฐเตลังกานา ขยายการค้าไทยอินเดีย

มินิเอฟทีเอ ครั้งแรก พาณิชย์ มุ่งขยายการค้าระหว่างไทย อินเดีย ประเดิม ไทย-รัฐเตลังกานา พร้อมเล็งทำความร่วมมือต่อเนื่อง กับอีก 5 รัฐเป้าหมาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการประชุมหารือกับ 3 ภาคเอกชนด้านการค้าไทย-อินเดีย ได้แก่ หอการค้าอินเดีย-ไทย, สมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย และสภาธุรกิจไทย-อินเดีย มีความเห็นตรงกันว่า จะทำ มินิเอฟทีเอ ร่วมกับประเทศอินเดีย เพื่อขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น

export land bridge ๒๐๑๒๑๗

จากการหารือร่วมกัน เห็นว่า ไทยกับอินเดีย ควรจะมีการทำการค้าเชิงลึก ระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง การทำข้อตกลงทางการค้า ให้เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ คือ เอฟทีเอไทย-อินเดีย และเอฟทีเออาเซียน-อินเดีย

ทั้งนี้ การทำมินิเอฟทีเอ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับรัฐ หรือมณฑลของประเทศต่าง ๆ จะช่วยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าเชิงลึก ระหว่างไทยกับแต่ละรัฐ แต่ละมณฑล ได้มากขึ้น

ในส่วนของอินเดีย ได้มีการยกร่างการทำมิมิเอฟทีเอ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทย กับรัฐเตลังกานา ของอินเดียเสร็จแล้ว จากนี้จะนำเสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ เมื่อให้ความเห็นชอบแล้ว จะมีการลงนามกันต่อไป กำหนดวันไว้เบื้องต้น ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2564

เอฟทีเอ

สำหรับรายละเอียดในมินิเอฟทีเอ เช่น การอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน การเชื่อมโยงการค้าออนไลน์กับแพลตฟอร์มต่างๆ ของอินเดีย การส่งเสริมสตาร์ทอัป การขยายมูลค่าการค้า และการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เป็นต้น

หลังจากลงนามมินิเอฟทีเอ กับรัฐเตลังกานาแล้ว จะมีการเตรียมการ สำหรับรัฐอื่นของอินเดีย เพื่อทำมินิเอฟทีเอระหว่างกันเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีเป้าหมาย 5 รัฐ ได้แก่ 1. รัฐคุชราต 2. รัฐกรณาฏกะ 3. รัฐมหาราษฏระ 4. รัฐเคเรล่า และ 5. รัฐ 8 สาวน้อย หรือรัฐอัสสัม

พร้อมกันนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 จะนำภาคเอกชน เดินทางไปขายสินค้า ในฐานะหัวหน้าเซลล์แมนประเทศอีกรอบหนึ่ง เพื่อเปิด ตลาดอินเดีย ให้ไทยมากขึ้น และเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า ระหว่างไทยกับอินเดีย ให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป

ส่วนสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการขยาย ตลาดอินเดีย ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง ที่อินเดียมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากนโยบายส่งเสริมให้คนมีบ้าน ไม้ยางและเฟอร์นิเจอร์ เพื่อตกแต่งบ้าน อาหาร เพราะคนอินเดียคุ้นเคยกับอาหารไทย และมีรสชาติใกล้เคียงกัน รวมถึงอาหารมังสวิรัติ ผลไม้ ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่า ของเล่นเด็ก มีแนวโน้มเติบโตได้ดี และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่กำลังขยายตัวตามความต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีเพิ่มขึ้น รวมถึงไบโอพลาสติก ที่อินเดียมีนโยบายแบนพลาสติก ทำให้ความต้องการสูงขึ้น

ในการหารือครั้งนี้ ยังได้หยิบยกปัญหาอุปสรรคทางการค้า ที่ฝ่ายไทยประสบ ในการเข้าสู่ ตลาดอินเดีย เช่น พิกัดศุลกากรที่ยังไม่ตรงกันระหว่างไทยกับอินเดีย กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะเข้าไปหารือในการประชุมระหว่างอาเซียนกับอินเดียต่อไป

ขณะเดียวกัน ยังพบปัญหาการดำเนินการเวลาไทยส่งสินค้าเข้าไปในอินเดีย ปรากฏว่าทางศุลกากรอินเดียยังต้องการรายละเอียด ให้ผู้ส่งออกไทยตอบคำถามหลายข้อ ที่เป็นความลับทางการค้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้หยิบยกในช่วงการประชุม JTC ไทย-อินเดียแล้ว และรอผลในการคุยกันต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาผู้ประกอบการไทย นำสินค้าเข้ามาจากอินเดีย แต่ศุลกากรของไทยไปขอเอกสารย้อนหลังทั้งที่นำเข้ามาแล้วขายไปแล้ว 4-5 ปี ทำให้ต้องมาแจ้งเอกสารย้อนหลัง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รับที่จะไปคุยกับกรมศุลกากรให้ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาอุปสรรคโดยไม่จำเป็น

นายสาธิต เซกัล ประธานสมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย กล่าวว่า ได้เสนอให้มีการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อินเดีย เพราะเอฟทีเอเดิมที่มีอยู่ เป็นการเปิดเสรีบางส่วน ต้องมีเอฟทีเอเต็มรูปแบบ ถึงจะช่วยขยายการค้า การลงทุนไทย-อินเดียได้เพิ่มขึ้น

อีกประเด็นสำคัญคือ ต้องวางแผนในการขยายตลาดสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตัวสูง รวมทั้งต้องวางแผนเจาะกลุ่มประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีลงไป ซึ่งมีถึง 40% ของประชากรทั้งหมด 1,300 ล้านคน กลุ่มเศรษฐกิจ ที่มีประมาณ 300 ล้านคน และเจาะเป็นรายรัฐ โดยเฉพาะรัฐ 8 สาวน้อย ที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo