Economics

คาดที่ประชุม ‘กนง.’ นัดสุดท้ายของปีจะคงดอกเบี้ยระดับเดิม!

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดที่ประชุมประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 23 ธ.ค. จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ตามเดิม หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีสัญญาณทยอยฟื้นตัว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 23 ธันวาคม 2563 คณะกรรมการฯ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตามเดิม เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย ยังมีสัญญาณทยอยฟื้นตัว และน่าจะได้รับอานิสงส์ต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และประคองกำลังซื้อของภาครัฐ หลังจากที่ล่าสุด ได้มีการขยายเวลา สำหรับโครงการคนละครึ่ง รวมถึงเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศไปจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2564

อย่างไรก็ดี จากที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ยังคงอยู่ในระยะเริ่มแรก ทำให้คาดว่า กนง. จะยังคงประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงปีข้างหน้า อย่างระมัดระวัง แม้อาจจะมีมุมมองที่ดีขึ้น ต่อตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทย จากคาดการณ์ปัจจุบันที่ ติดลบ 7.8% ในปี 2563 และที่ขยายตัว 3.6% ในปี 2564 ก็ตาม

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า จุดจับตาสำคัญ จะอยู่ที่ความต่อเนื่อง ของเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่งมีโอกาสเผชิญความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนของหลายๆ ปัจจัย โดยเฉพาะการแพร่ระบาด ของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้ง แรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว

ขณะที่สถานการณ์เงินบาท ที่มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ตามปัจจัยพื้นฐานของไทย ที่เกิดจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และทิศทางอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ตามสัญญาณผ่อนคลายทางการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ ก็อาจเพิ่มแรงกดดัน และมีผลกระทบต่อการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางด้วยเช่นกัน

“หากเศรษฐกิจไทย ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่แผ่วลงมาก ก็มีความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจจะส่งสัญญาณ พร้อมใช้เครื่องมือดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม และทบทวนมาตรการทางด้านการเงิน และมาตรการสินเชื่อให้มีความเหมาะสม รวมถึงเร่งผลักดันให้สถาบันการเงินปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ เพื่อปรับความช่วยเหลือให้ตรงจุด ลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจและครัวเรือน และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม” บทวิเคราะห์ระบุ

นอกจากนี้ ยังต้องรอติดตามท่าทีและการดูแลโจทย์สถานการณ์เงินบาทแข็งค่า หลังจากที่ล่าสุด เงินบาทแข็งค่าหลุดแนวสำคัญทางจิตวิทยาที่ 30.00 บาท/ดอลลาร์ฯ มาแตะระดับ 29.83 บาท/ดอลลาร์ฯ ซึ่งนับเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หลังรายงานการประเมินนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ จัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม Monitoring List ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อประเทศที่สหรัฐฯ จะติดตามทิศทางนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงหลังจากนี้อย่างใกล้ชิด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ทั้งนี้ การเข้าไปอยู่ในบัญชี Monitoring List ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อาจทำให้นักเก็งกำไร และผู้เล่นในตลาดเงิน-ตลาดทุนมองว่า ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ น่าจะเผชิญข้อจำกัด และอาจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังมากขึ้นในการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อดูแลความเคลื่อนไหวสกุลเงินของประเทศตัวเอง

“สาเหตุที่ทำให้ไทยติดอยู่ในบัญชี Monitoring List ของกระทรวงการคลังสหรัฐ มาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างของไทย ซึ่งคือเรื่องการเกินดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง แต่คงต้องยอมรับว่า สถานการณ์ดังกล่าวเสมือนเป็นการตอกย้ำโจทย์เงินบาทแข็งค่าที่น่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2564 ท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น” บทวิเคราะห์ ระบุ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุอีกว่า สำหรับประเทศไทยนั้น แม้การมีชื่อติดในบัญชี Monitoring List อาจไม่มีผลทางตรงกับการดำเนินนโยบาย เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และ การเงินในประเทศ แต่แรงกดดันด้านแข็งค่า ของเงินบาทที่เพิ่มขึ้น ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว จะกลายเป็นโจทย์ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นสำหรับทางการไทย เพราะเงินบาทที่แข็งค่า และ มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ย่อมมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกและเศรษฐกิจในภาพรวม

นอกจากนั้น อาจมีผลทำให้อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งหากสถานการณ์ลากยาวและ เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แรงกดดันและ ความจำเป็นต่อการพิจารณา ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปีตามตลาดคาด โดยให้มีผลทันที เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และให้เน้นมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุดมากขึ้น เพราะแม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าคาด แต่แนวโน้มยังฟื้นตัวช้า

โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเปราะบาง และมีความไม่แน่นอนสูง คณะกรรมการฯ จึงเห็นควร ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo